35 วัน 6 ประเทศ 20 เมือง: พฤศจิกายน 2016

วันนี้ออกจากโรงแรมแต่เช้า เดินไปที่สถานี Metro (Nyugati Palyaudvar) ซื้อตั๋วจาก Ticket Machine เลือกเป็นตั๋ว 24hr Ticket คนละใบใช้ได้ 24 ชั่วโมง สามารถขึ้นรถโดยสารได้ทุกชนิดใน Budapest ทั้ง Metro, Tram, Bus ตั๋วชนิดนี้เวลาใช้ไม่ต้อง Validate เพราะตอนซื้อเครื่องจะถามว่าจะใช้วันนี้หรือเปล่า ตั๋วออกมาก็จะพิมพ์เวลาบนตั๋วเลย ส่วนตั๋วรายเที่ยวหรือ Single Ticket เวลาเข้าไปต้อง Validate ตั๋วที่เครื่อง ถ้าเป็น Metro ก็จะตั้งอยู่ตรงทางเข้า ถ้าเป็น Tram หรือ Bus เครื่องก็จะอยู่บนรถตรงประตูขึ้นลง

Single Ticket

24 hr Budapest Travelcard

ป้ายสัญลักษณืสถานีรถใต้ดิน (Metro)

Ticket Machine

เครื่อง Validate ตั๋ว

นั่ง Metro M3 สายสีน้ำเงินจาก สถานี Nyugati Palyaudvar ไปลงสถานี Deak Ference ter ต่อ M1 สายสีเหลือง ไปลงสถานี Hosok Tere เพื่อจะไป Heroes' Square
** เมโทรสายสีเหลืองนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดใช้ครั้งแรกเมื่อ 3 พฤษภาคม 1896 เป็นรองเฉพาะที่ลอนดอนที่เปิดใช้เมื่อ 1890

Heroes' Square เป็นจัตุรัสลานกว้างซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Millennium สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการก่อตั้งประเทศฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี เป็นเสาทรงสูง ที่ฐานมีรูปหล่อของผู้นำ 7 ชนชาติที่ร่วมก่อตั้งประเทศฮังการี บนยอดเสาเป็นรูปปั้นฑูตสวรรค์ถือมงกุฏ ซึ่งมีตำนานเล่าว่า ฑูตสวรรค์ได้ปรากฏในความฝันของกษัตริย์ฮังการีและมอบมงกุฏแห่งกษัตริย์ให้ไว้ครอบครอง จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะมอบมงกุฏนี้แก่กษัตริย์รุ่นต่อไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์การส่งมอบสิทธิอำนาจการปกครอง ซึ่งมงกุฏนี้แหละที่เก็บไว้ที่ The Hungarian Parliament Building ที่เราจะไปดูตอนบ่ายนี้

ข้ามถนนไปด้านข้างของจัตุรัสจะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Kunsthalle

เดิมอ้อมไปด้านหลังจะเป็นอาคารสำนักงานของ City Park และลานสกีน้ำแข็ง Városligeti Műjégpálya és Csónakázótó ตัวลานสกีจะต้องข้ามสะพานไปด้านหลังซึ่งจะเปิดเฉพาะในหน้าหนาว

ภาพจาพอินเตอร์เนท

เราจะข้ามสะพานไปเพื่อจะไปชมปราสาท Vajdahunyad Castle เป็นปราสาทรูปทรงแปลกๆ สร้างขึ้นในปี 1896 ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวกับ Heroes' Square คือฉลองครบรอบหนึ่งพันปีของการก่อตั้งประเทศฮังการี

Vajdahunyad Castle ปราสาทนี้ออกแบบโดย Ignác Alpár มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมหลากสไตล์รวมไว้ในตึกเดียว คือ ศิลปะแบบ Roman, Gothic, Transitional และ Renaissance-Baroque ปัจจุบัน Museum of Hungarian Agriculture ก็ตั้งอยู่ในบริเวณปราสาทแห่งนี้ด้วย

Museum of Hungarian Agriculture

Church of Jak

และมีรูปปั้น Anonymus ซึ่งดูน่าเกรงขาม Anonymus เป็นนักเขียนสมัยศตวรรษที่ 12 ในสมัยกษัตริย์ King Bela ที่ 3 เค้าเป็นคนแรกที่เขียนหนังสือประวัติศาสตร์ของชาวฮังกาเรียน ซึ่งอ้างอิงตำนานและไสยศาสตร์ มีความเชื่อกันว่าถ้าได้จับปากกาของเค้าแล้ว จะโชคดี

ออกจากปราสาทเดินย้อนกลับไปที่ Metro (Hosok Tere) นั่ง M1 สีเหลืองย้อนกลับไป 5 สถานี ลงที่สถานี Opera เพื่อไปชมอาคาร Hungarian State Opera House ซึ่งเป็นการสร้างสไตล์ neo-Renaissance

กลับไปขึ้นรถที่สถานี Opera เพื่อจะไปจองบัตรเข้าชม Parliament โดยนั่งไป 2 สถานี ลงที่สถานี Deak Ference Ter แล้วต่อ M2 สีแดงไป 1 สถานี ลงที่สถานี Kossuth Lajos Ter แวะซื้ออาหารทานหน่อย

อิ่มแล้วก็เดินไปที่ Parliament เพื่อจองบัตรเข้าชม

หลุมหลบภัยในอดีต อยู่หลัง Parliament

ได้บัตรรอบ 4 โมงเย็น ภาษาอังกฤษ ราคา 5400 HUF/คน

Museum Of Ethnography

Kossuth Lajos Square เป็นเหมือนอนุสาวรีย์ของฮีโร่

เห็นวิวแถวนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายทุกครั้งโดยไม่รู้สึกเบื่อ
แพลนต่อไปคือไปดูสถานีรถบัสที่พรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางไป Bratislava ประเทศ Slovakia โดยเราจะเดินทางด้วยรถบัส Studentagency ได้ซื้อตั๋วออนไลน์มาจากเมืองไทยแล้ว
ขึ้นเมโทร M2 ที่สถานี Kossuth Lajos Ter ต่อรถที่สถานี Deak Ference Ter ขึ้น M3 สีน้ำเงิน ไป 6 สถานีลงที่ Nepliget ออกจากเมโทรเดินไปที่สถานีรถบัส

ดีที่เรามาสำรวจก่อนเพราะหายากพอสมควร รถ Studentagency ไม่ได้จอดในสถานี แต่เป็นแค่ป้ายรถ เราใช้วิธีถามจากคนเดินทางคนอื่น พอเสร็จเรียบร้อยเราก็นั่งเมโทรเพื่อจะไปฝั่งบูดา จุดหมายแรกคือ Citadella หรือ Liberty Statue เราขึ้น M3 สีน้ำเงินที่สถานี Nepliget ไปลงที่ Kalvin Ter และต่อ M4 สีเขียวไปอีก 1 สถานี คือ Szent Gellert Ter แล้วเดินขึ้น Citadella ระยะทางไกลและสูงพอสมควร

Sziklatemplom (Cave Church)

Citadella เป็น Fortress หรือป้อมปราการที่ตั้งอยู่บน Gellert Hill เพราะบน Gellert Hill เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการสู้รบที่ดี สามารถมองเห็นเมืองทั้งสองฝั่งได้ชัดเจน มีอนุสาวรีย์เป็นแท่งสูง บนนั้นมีรูปปั้นหญิงสาวที่ชูกิ่งมะกอกเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้างซึ่งแสดงถึงสันติภาพ

Citadella (Liberty Statue)

ตลาดนัดขายของบน Citadella

เดินลงมาเพื่อไปต่อที่ Buda Castle อยู่ไม่ไกลมาก ซึ่งต้องไปต่อแถวซื้อตั๋ว Funicular

The Royal Palace (Buda Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำดานูปทางใต้ของ Castle Hill ผู้ก่อสร้างคือ Stephen Duke แห่ง Anjou โอรสของ Charles Robert กษัตริย์องค์แรกของฮังการี ภายในบริเวณบางส่วนถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ Magyar Nemzeti Galeria และ Budapesti Toreneti Muzeum การขึ้นมาที่ Buda Castle สามารถเดินขึ้นลงได้ หรือ ขึ้นลงด้วยรถราง Funicular

Budapesti Toreneti Muzeum

Magyar Nemzeti Galeria

ทางเดินไปที่ Saint Matthius Church และ The Fisherman's Bastion

Saint Matthius Church เป็นโบสถ์คาธอลิคสร้างในปี ค.ศ.1015 เป็นโบสถ์ที่สวยสง่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้วยกระเบื้องหลากสี เป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ Budapest

The Fisherman's Bastion เป็นระเบียงหินสีขาวสไตล์ Neo-Gothic มี 7 หอคอย มีรูปปั้นทรงม้าของ Stephen I แห่งฮังการี
ป้อมชาวประมง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการประมงเลย ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกราน และที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองที่สวยที่สุด สามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้แบบพาโนรามา มองเห็นสะพานเชน และอาคารรัฐสภาฮังการีริมแม่น้ำดานูป

ตอนนี้ก็บ่ายสามกว่า ต้องรีบลงไปเพื่อจะไปให้ทัน 4 โมงเย็นเพื่อเข้าชมอาคารรัฐสภาที่จองไว้ ตอนลงก็เดินย้อนกลับไปที่ Buda Funicular เพราะเราซื้อตั๋วทั้งขึ้นและลง เบียดเสียดขึ้นรถรางกับชาวเมืองเพื่อไปต่อเมโทรไปลงที่สถานี Kossuth Lajos Ter ที่อยู่ด้านหลังรัฐสภา

มาถึงรัฐสภาทันเวลาพอดี มีไกด์นำกลุ่มแบ่งเป็นสองภาษา อังกฤษกับเยอรมัน ภายในให้ถ่ายภาพได้บางส่วน โดยเฉพาะในโถงใหญ่แปดเหลี่ยมห้ามเด็ดขาดมีทหารคุมเข้มเพราะเป็นที่แสดงมงกุฏกษัตริย์ที่ใช้สืบทอดอำนาจอยู่ในตู้กระจกนิรภัย โดยมีทหาร 2 นายยืนเฝ้าตลอดเวลา

ภาพจากอินเตอร์เนท

ภาพจากอินเตอร์เนท

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ออกมานั่ง Tram สาย 2 กลับที่พักซึ่งอยู่ใกล้ๆ พอเริ่มจะมืดก็ได้เวลาออกจากที่พักอีกครั้งเพื่อจะได้เก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืน
Budapest เป็นเมืองที่สวยงามอยู่แล้ว แต่เธอจะสวยที่สุดก็เวลานี้แหละ เราใช้วิธีนั่่งรถรางเลียบแม่น้ำดานูปทั้งสองฝั่งเพื่อเก็บภาพประทับใจ เพราะวันนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ Budapest