เมื่อได้ข้อตกลงเรื่องสถานที่คร่าวๆและระยะเวลาแล้วก็เลือกวันไปและวันกลับ ก็มาสรุปที่ ออกเดินทางวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2559 กลับถึงกรุงเทพในวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2559
ขั้นตอนต่อมาคือ กางแผนที่โลก เลือกประเทศและเมืองที่อยู่บนเส้นทางเดียวกัน แต่ที่ตั้งธงไว้คือในทริปนี้จะมีรัสเซียด้วยแน่นอน
ลากเส้นในแผนที่ใน Google Map หลายเส้นทางมาก จนมาสรุปที่
1. Budapest ประเทศ Hungary 3-5 Oct
2. Bratislava ประเทศ Slovakia 6 Oct
3. Vienna ประเทศ Austria 7-9 Oct
4. Prague ประเทศ Czech Republic 10-12 Oct
5. Cesky Krumlov ประเทศ Czech Republic 13 Oct
6. Hallstatt ประเทศ Austria 14 Oct
7. Salzburg ประเทศ Austria 15-16 Oct
8. Innsbruck ประเทศ Austria 17-18 Oct
9. Garmisch Partenkirchen ประเทศ Germany 19-20 Oct
10. Fussen ประเทศ Germany 21 Oct
11. Munich ประเทศ Germany 22-23 Oct
12. Wurzburg ประเทศ Germany 24 Oct
13. Rothenburg ob der Tauber ประเทศ Germany 24 Oct
14. Frankfurt ประเทศ Germany 25-26 Oct
15. Heidelburg ประเทศ Germany 26 Oct
16. Cologne ประเทศ Germany 27-28 Oct
17. Bonn ประเทศ Germany 28 Oct
18. Dusseldorf ประเทศ Germany 29 Oct
19. Saint Petersburg ประเทศ Russia 30 Oct-2 Nov
20. Moscow ประเทศ Russia 3-6 Nov
จากเส้นทางที่สรุปออกมา แน่นอนให้สะดวกเราตัดสินใจใช้สายการบิน Aeroflot สายการบินประจำชาติของรัสเซีย เข้าไปเช็คเที่ยวบินในช่วงที่เราจะไป ดูว่า Aeroflot ใช้เครื่องอะไรบิน ก็มีใช้เครื่องอยู่ 2 ชนิด คือ Airbus A330-300 และ Boeing 777-300ER เป็นเครื่องค่อนข้างใหม่พอสมควร ตั๋วราคาไม่แพง และมีเที่ยวบินที่สามารถบินไปลงหรือกลับจาก Budapest ได้ ทำให้เราสามารถเลือกทริปของเราได้ว่าจะเริ่มจาก Budapest ไปจบที่ Moscow หรือจะเริ่มจาก Moscow ไปจบที่ Budapest แล้วค่อยกลับบ้านก็ได้ และเราตัดสินใจที่จะเริ่มจาก Budapest ไป จบที่ Moscow เพราะไม่อยากเริ่มทริป แล้วพบกับความลำบากเรื่องภาษาที่ชาวรัสเซียไม่ค่อยมีคนใช้ภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนต่อมาคือการจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งก็ไม่ยากโดยจองผ่านเว็บ Skyscanner ทั้งไปและกลับ ซึ่ง Aeroflot จะบินจากสุวรรณภูมิ วันละ 1 เที่ยว เวลา 10.00 น.เครื่องจะลงที่ Moscow และรอ transit ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ไปถึง Budapest ประมาณเกือบ 2 ทุ่มเวลาท้องถิ่น และเราเลือกไฟลท์กลับจาก Moscow เวลา 21.45 ถึงสุวรรณภูมิประมาณ 10-11 โมงเช้า
ระหว่างการวางแผนเดินทางแต่ละเมือง เราก็จะเลือกเดินทางโดยพาหนะโดยสารที่หลากหลาย ทั้ง รถบัส รถ Shuttle bus รถไฟธรรมดา รถไฟความเร็วสูง เรือ Furry เครื่องบิน เพื่อเพิ่มรสชาตของการเดินทาง และเกือบทั้งหมดเราได้จองและซื้อตั๋วผ่านเว็บจากเมืองไทย ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองในประเทศเยอรมัน ซึ่งสะดวกและมีรถไฟหลายชนิดครอบคลุมทั้งประเทศ เราเลือกที่จะไปซื้อที่นั่นก่อนเดินทางเพื่อความยืดหยุ่นเรื่องเวลา และสามารถซื้อจากตู้ Ticket Machine ซื่งมีมากมายตามสถานี และตั๋วบางอย่างจะถูกมาก เช่น Bayern Ticket ที่ใช้เดินทางในรัฐ Bavaria เป็นตั๋วกลุ่ม ราคาเพียง 28 ยูโร/2 คน/วัน ขึ้นรถได้ทุกชนิดที่เป็นของ DB Bahn
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ ที่พัก ทั้งหมดตลอดทริปเราได้จองผ่านเว็บ Booking.com ทั้งสะดวกและราคาดี สำคัญคือชัวร์ว่ามีที่พักแน่ๆ และเรายังไม่ต้องจ่ายเงินก่อน ส่วนมากจะไปจ่ายเมื่อเข้าพัก และสามารถเลื่อนและยกเลิกได้ตามเวลาที่กำหนด โดยจะพิมพ์เป็นเอกสารติดตัวไปด้วยหรือเซฟไว้ในมือถือก็ได้
ขั้นตอนที่สำคัญมากคือ การขอเชงเก้นวีซ่า สำหรับประเทศในยุโรป ส่วนรัสเซียไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับรัสเซีย
การขอเชงเก้นวีซ่านั้น เราเลือกขอจากประเทศเดียวเท่านั้น แต่มีข้อกำหนดว่า
1. ขอจากประเทศแรกที่สุดที่เราไปถึง ในกรณีที่ใช้เวลาอยู่ในแต่ละประเทศเท่าๆกัน
2. ขอจากประเทศที่เราอยู่นานที่สุดในทริปนั้นๆ
จากทริปครั้งนี้จะเห็นว่าเราใช้เวลาอยู่ในเยอรมันนานที่สุด จึงต้องไปขอวีซ่าจากสถานฑูตเยอรมัน (ระเบียบการต่างๆสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซท์ของสถานฑูตเยอรมันโดยตรง) การขอวีซ่าก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ทำตามข้อกำหนด และแสดงหลักฐานต่างๆที่จะทำให้ผู้พิจารณาเชื่อว่าเราไปเที่ยวและจะกลับไทยแน่นอน และเรามีค่าใช้จ่ายเพียงพอระหว่างการท่องเที่ยว จะไม่ไปตกเป็นภาระของประเทศของเขา เอกสารที่ต้องมีครบถ้วนคือ ตั๋วเดินทางไป-กลับ ที่พักระหว่างการเดินทางตลอดทั้งทริป กรมธรรม์ประกันการเดินทางและหลักฐานทางการเงิน ถ้าไม่มีปัญหาใดๆก็จะได้รับวีซ่าภายใน 3-4 วันเท่านั้น
ช่วงที่เดินทางเป็นต้นหนาว จึงต้องเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อม เพราะจะต้องเจอกับอุณหภูมิ สิบต้นๆจนถึงลบแปดองศาเซลเซียส และมีหิมะในบางช่วง เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าจะต้องทั้งกันหนาว กันลม กันหิมะ ผ้าพันคอ หมวกกันหนาว ที่ปิดหู ถุงมือ (ไหมพรมไม่สามารถกันความเย็นที่อุณหภูมิติดลบได้นะขอบอก) รองเท้าก็ต้องสามารถกันน้ำได้ดีพอสมควร ขอย้ำว่ารองเท้าผ้าใบไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวในช่วงเวลานี้ กระเป๋าเดินทางควรจะเป็นแบบมี 4 ล้อ และควรจะรับงานหนักได้พอสมควร เพราะบางเมืองที่จะไปนั้น ถนนจะเป็นหินก้อนๆวางเรียงกันไม่เรียบ
(Remark: การเดินทางข้ามเมืองควรซื้อบัตรโดยสารทางออนไลน์ไว้เลย ถึงแม้จะทำให้ไม่ยืดหยุ่น แต่ก็ทำให้เราสามารถเดินตามแพลนที่วางไว้และไม่ตกรถ โดยเฉพาะจำพวกรถไฟความเร็วสูง เช่น Sapsan ของรัสเซีย และ OEBB ของออสเตรีย ถ้าไปซื้อตอนเดินทางอาจจะไม่ได้ตามเวลาของเราและแพงมากกกก ขอบอก)
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ตอนต่อไป
ตอนที่ 2 ได้เวลาออกเดินทาง (Oct)
ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์
การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK
ขั้นตอนที่สำคัญมากคือ การขอเชงเก้นวีซ่า สำหรับประเทศในยุโรป ส่วนรัสเซียไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับรัสเซีย
การขอเชงเก้นวีซ่านั้น เราเลือกขอจากประเทศเดียวเท่านั้น แต่มีข้อกำหนดว่า
1. ขอจากประเทศแรกที่สุดที่เราไปถึง ในกรณีที่ใช้เวลาอยู่ในแต่ละประเทศเท่าๆกัน
2. ขอจากประเทศที่เราอยู่นานที่สุดในทริปนั้นๆ
จากทริปครั้งนี้จะเห็นว่าเราใช้เวลาอยู่ในเยอรมันนานที่สุด จึงต้องไปขอวีซ่าจากสถานฑูตเยอรมัน (ระเบียบการต่างๆสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซท์ของสถานฑูตเยอรมันโดยตรง) การขอวีซ่าก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ทำตามข้อกำหนด และแสดงหลักฐานต่างๆที่จะทำให้ผู้พิจารณาเชื่อว่าเราไปเที่ยวและจะกลับไทยแน่นอน และเรามีค่าใช้จ่ายเพียงพอระหว่างการท่องเที่ยว จะไม่ไปตกเป็นภาระของประเทศของเขา เอกสารที่ต้องมีครบถ้วนคือ ตั๋วเดินทางไป-กลับ ที่พักระหว่างการเดินทางตลอดทั้งทริป กรมธรรม์ประกันการเดินทางและหลักฐานทางการเงิน ถ้าไม่มีปัญหาใดๆก็จะได้รับวีซ่าภายใน 3-4 วันเท่านั้น
ช่วงที่เดินทางเป็นต้นหนาว จึงต้องเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อม เพราะจะต้องเจอกับอุณหภูมิ สิบต้นๆจนถึงลบแปดองศาเซลเซียส และมีหิมะในบางช่วง เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าจะต้องทั้งกันหนาว กันลม กันหิมะ ผ้าพันคอ หมวกกันหนาว ที่ปิดหู ถุงมือ (ไหมพรมไม่สามารถกันความเย็นที่อุณหภูมิติดลบได้นะขอบอก) รองเท้าก็ต้องสามารถกันน้ำได้ดีพอสมควร ขอย้ำว่ารองเท้าผ้าใบไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวในช่วงเวลานี้ กระเป๋าเดินทางควรจะเป็นแบบมี 4 ล้อ และควรจะรับงานหนักได้พอสมควร เพราะบางเมืองที่จะไปนั้น ถนนจะเป็นหินก้อนๆวางเรียงกันไม่เรียบ
(Remark: การเดินทางข้ามเมืองควรซื้อบัตรโดยสารทางออนไลน์ไว้เลย ถึงแม้จะทำให้ไม่ยืดหยุ่น แต่ก็ทำให้เราสามารถเดินตามแพลนที่วางไว้และไม่ตกรถ โดยเฉพาะจำพวกรถไฟความเร็วสูง เช่น Sapsan ของรัสเซีย และ OEBB ของออสเตรีย ถ้าไปซื้อตอนเดินทางอาจจะไม่ได้ตามเวลาของเราและแพงมากกกก ขอบอก)
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ตอนต่อไป
ตอนที่ 2 ได้เวลาออกเดินทาง (Oct)
ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์
การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น