วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วันที่ 23 ของการเดินทาง From Wurzburg to Frankfurt (25Oct)

ตื่นเช้าทานง่ายๆ กาแฟ เค้ก โยเกิร์ต องุ่นที่ซื้อเตรียมไว้แล้ว เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมตั้งแต่ 8 โมง ไม่ต้องลากกระเป๋าเพราะฝากไว้ที่สถานีรถไฟตั้งแต่เมื่อวาน เดินเที่ยวตามแผนที่ที่แนะนำการท่องเที่ยว by walking ใน city map เดินสบายๆ แวะชมได้เกือบครบ เสียดายวังเรสซิเดนซ์ที่ไม่มีเวลาเข้าชม 


ออกจากโรงแรม ibis Wurzburg เดินไปทางขวาตามถนน Veitscochheimer Str. ถึงแยกอาคาร Congress Centrum เลี้ยวขวาเดินไปยังสะพาน Friednsbrucke แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตามถนนเลียบแม่น้ำไมน์ (Main) 



Hafensommer หรือ Wurzburg Habor Summer เป็นสถานที่จัดการแสดงกลางแจ้ง และโรงหนัง โรงละครที่ทันสมัย สร้างในปี 2007 มีเวทีการแสดงที่ยื่นออกไปบนน้ำ




Festung Marienberg เป็นป้อมปราการและปราสาทบนเนินเขา อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำไมน์ สร้างในปี 1201 บนยอดเขามารีนแบร์ก ภายในมีโบสถ์ St Mary และพิพิธภัณฑ์



Alter Kranen หรือ Wurzburg Crane หรือ Main Crane สร้างในปี 1773 บนถนน Kranenkai ริมฝั่งแม่น้ำไมน์ เป็นเครื่องมือขนถ่ายสินค้าในยุคนั้น ถูกใช้งานจนถึงปี 1846






สะพาน Alte Mainbrucke


Alte Mainbrucke เป็นสะพานที่มีลักษณะและบรรยากาศคล้ายๆกับสะพาน Charles ในกรุงปรากที่เมื่อข้ามสะพานไปก็จะเป็น Prague Castle ส่วนที่นี่ข้ามสะพานไปก็จะพบกับ Marienberg ตามแนวสะพานก็จะมีรูปปั้นของนักบุญเรียงรายอยู่เช่นเดียวกัน แต่สะพานนี้จะเล็กและสั้นกว่าสะพาน Charles เรามาเดินตอนเช้าๆจะยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก


เนินเขียวๆคือไร่องุ่นค่ะ


St Kilian

Hafensommer ในมุมที่มองจากสะพาน Alte Mailbrucke





มองจากสะพานไปจะเห็นหอคอยคู่ นั่นคือย่าน Kilianplatz
เดินลงจากสะพานจะเป็นถนน Dom Strasse เป็นถนนที่พลุกพล่านที่สุดของเมือง จะเป็นที่ตั้งของศาลากลางเก่า (ที่เห็นคลุมผ้าไว้เพราะอยู่ระหว่างการบูรณะ)
น้ำพุตรงข้ามศาลากลางเก่า


Wurzburg Cathedral หรือ Wurzburg Dom เป็นโบสถ์ Catholic ที่สร้างอุทิศใหักับ St Kilian โดดเด่นด้วยหอคอยคู่สูง 105 เมตร ตั้งอยู่บนถนน Dom Strasse




เครื่องคืนขวด ที่ประเทศเยอรมันเวลาเราซื้อน้ำดื่มเขาจะคิดค่าขวดด้วย 0.25 ยูโร สามารถเอามาคืนที่ตู้ได้ จะพิมพ์เป็นใบเสร็จให้เราแล้วเอาไปขึ้นเงินที่แคชเชียร์




MarienKapelle หรือ Lady Chapel เดิมทีเป็นอาคารไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทน synagogue ของชาวยิวที่ถูกเผาทำลายในปี 1349 ที่ชาวยิวที่ Wurzburg ถูกสังหาร ต่อมาในปี 1377 อาคารลักษณะแบบที่เห็นในปัจจุบันได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยการร่วมใจกันบริจาคของชาว Wurzburg และได้ก่อสร้างและเพิ่มเติมมาเรื่อยๆจนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1479 นับเป็นเวลากว่าร้อยปี แต่เมื่อ Wurzburg ถูกทิ้งระเบิดระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 26 มีนาคม 1945 ทำให้ตัวโบสถ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1948-1961











Obelisk Brunnen (Market Fountain) สร้างในปี 1802 โดย Johann Andreas Gartner ให้เป็นจุดศูนย์กลางของตลาด สูง 15 เมตร ที่ฐานเป็นอ่างน้ำพุ และภาพปั้นนูนผู้หญิงถืออาหารและเครื่องดื่ม


Marktplatz หรือ Market square อยู่บริเวณเดียวกับโบสถ์ Marienberg จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาเปิดบูธขายของ ส่วนมากจะเป็นพืชผัก ผลไม้และอาหาร









จาก Market Square เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Schmalzmarkt ก็จะเห็นโบสถ์ Kollegiatstift Neumünster หรือ Collegiate Church โบสถ์สไตล์โรมันจากศตวรรษที่ 11












Killian Dom Wurzburg

Julius Maximilian University of Wurzburg

New Church (Old University)

Franziskanerkirche






Pfarrkirche St Peter und Paul กำลังบูรณะภายใน


St Stephan


บริเวณมหาวิทยาลัย






St Augustines Church



Wurzburg Residentz




วิทยาลัย Haug (Kollegiatstift Haug) อาคารหลักเป็นตัวโบสถ์ สร้างเพื่ออุทิศให้กับ ยอห์น บัพติศโต




เดินวนมาที่ Wurzburg HBF เกือบ 11 โมง ไปเอากระเป๋าที่เก็บไว้ที่ Locker ปรากฏว่าเปิดไม่ได้ ต้องจ่ายเพิ่มอีก 12 ยูโร เพราะตอนฝากไม่ได้อ่านที่หน้าตู้ 4 ยูโรฝากได้ 6 ชั่วโมง แต่เราฝากไว้เกือบ 24 ชั่วโมง ต้องวิ่งหาแลกเหรียญ (เจ้าอย่าหวัง ไม่มีใครให้แลก) ต้องหาซื้ออะไรเพื่อเอาเงินทอนเป็นเหรียญ มองไปเห็นร้านเวียดนาม เลยไปซื้อหมี่ผัด ตอนจ่ายเงินเขาไม่ยอมทอนเหรียญให้ ต้องขอร้องกันตั้งนาน (โอ๊ย เมืองไทยบ้านเราใจดีที่สุด) เอากระเป๋าเสร็จนั่งรอที่สถานี ป้ายจอดรถบัสที่เราจองไว้ก็อยู่ไม่ไกลเดิน 2 นาที เราจอง Postbus ไว้เวลา 12.15 น

Wurzburg Hauptbahnhof

ป้ายจอดรถบัสอยู่ข้างๆ HBF

สัญลักษณ์ป้ายจอดรถบัส ที่เสาจะมีตารางเวลาติดไว้
ออกเดินทางจาก Wurzburg มาถึง Frankfurt am Main เวลา บ่าย 2 โมง ป้ายจอดก็จะอยู่ข้างๆ Frankfurt Hauptbahnhof เช่นเดียวกัน ลากกระเป๋าข้ามถนนไปยังโรงแรมที่จองไว้อยู่ใกล้ๆ
Frankfurt Hauptbahnhof ใหญ่โตสวยงามมาก



เช็คอินเก็บของเสร็จก็ออกมาที่ HBF เพื่อเดินไปดูป้ายจอด Flixbus ที่เราจะ daytrip ไป Heidelberg เช้าวันพรุ่งนี้ แล้วกลับมานอนที่นี่อีกคืน ระหว่างเดินไปที่จอดรถเจอพี่คนไทยที่อยู่เยอรมัน (มิวนิค) มา 25 ปี พอดีแกมาธุระที่แฟรงค์เฟิร์ท ชวนคุยตั้งนาน เราก็รีบจะเดินเที่ยวเพราะเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน กว่าจะปลีกตัวได้เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แกคงไม่ค่อยได้เจอคนบ้านเดียวกัน 555


เดินเที่ยวในย่านเมืองเก่า เป็นเมืองที่มีตึก อาคารผสมผสานกันระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่ได้อย่างลงตัว





'Mainweibchen' (Little Lady of the Main)




สัญลักษณ์เงินยูโร ที่หน้า European Central Bank



St Paul Church






Church of Our Lady (Liebfrauenkirche)















Romerberg (Romer Square)


Frankfurt Alte Nikolaikirche (Old St Nicholas Church)

Romer เป็นอาคารในยุคกลาง ที่เคยใช้เป็นที่ว่าการเมือง (Rathaus)  นานถึง 600 ปี




Fountain of Justice


Statue of Minerva










Eiserner Steg



มองไปอีกฝั่งคือ Dreikonigskirche (The Three Kings Church)


แม่น้ำไมน์ (Main)


Old Nicholas Church

Sycamore tree alleyway 



Dreikonigskirche (The Three Kings Church)









ป้ายบอกทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมระยะทาง




ถนนหน้าโรงแรมที่พัก ร้านอาหารเยอะมาก แต่ส่วนมากเป็นประเภท Kebub

อากาศเริ่มเย็นมาก เดินกลับโรงแรม เตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้เดินทางโดยรถบัสไปเมือง Heidelberg
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ.....................



ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 23 วันที่ 22 ของการเดินทาง From Munic to Wurzburg & Rothenburg ob der Tauber (24Oct)

ตอนต่อไป
ตอนที่ 25 วันที่ 24 ของการเดินทาง Daytrip to Heidelberg (26Oct)

ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์

การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น