รถมาตรงเวลามาก ใช้เวลาเดินทางถึง Heidelberg ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ที่จอดรถก็อยู่ข้างๆกับสถานีรถไฟ Heidelberg Hauptbahnhof และมี Tourist Information ที่หน้าสถานีด้วย
![]() |
จุดจอดรถ Flixbus ที่ Frankfurt |
![]() |
Heidelberg Hauptbahnhof |
Tourist Information หน้าสถานีรถไฟ |
ตรงข้ามสถานีรถไฟ ก็จะเจอปฏิมากรรมชิ้นนี้ เป็นปฏิมากรรมสมัยใหม่รูปหุ่นยนต์โลหะ ตั้งอยู่หน้าสถาบันสื่อสิ่งพิมพ์ (Print Media Academy) โดยเมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องพิมพ์ที่ส่งขายทั่วโลก ยี่ห้อ Heidelberg
![]() |
รถรางเมืองไฮเดลแบร์ก |
แวะเข้าไปสอบถามข้อมูลที่ Tourist Information และซื้อ Heidelberg Welcome Card คนละ 15 ยูโร เพื่อเข้าชมสถานที่ต่างๆหลายแห่งและยังใช้โดยสารรถประจำทางทุกชนิดในเมืองได้ฟรี
![]() |
แผนที่และเส้นทางรถประจำทาง |
วิธีที่จะขึ้นไปยังปราสาทสามารถเดินขึ้นบันได (Bergweg) ได้ต้องใช้เวลาประมาณ 15 นาที แต่เราเลือกขึ้นรถราง Funicular
ที่จำหน่ายตั๋ว Funicular |
Bergbahn Funicular |
ทางเข้าปราสาท ด้านซ้ายคือส่วนที่เรียกว่า Ruprechbau เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท |
ปราสาทไฮเดลแบร์ก เริ่มก่อสร้างในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 400 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ ปราสาทได้รับความเสียหายในช่วงสงคราม 30 ปีในปี 1622 และมาถูกทำลายอีก 2 ครั้ง ในปี 1689 และ 1693 ในการทำสงครามกับฝรั่งเศส และเนื่องจากที่ตั้งของปราสาทอยู่ในที่โล่งบนยอดเขาจึงถูกฟ้าผ่าเสียหายอีกหลายครั้ง
ปีกอาคาร Friedrichbau สร้างโดยเจ้าอีเล็คเตอร์ฟรีดริชที่ 4 เป็นสถาปัตยกรรมเรอเนสซองซ์ ประดับรูปปั้นของราชวงศ์ Wittelsbach 16 พระองค์ |
ปีกอาคาร Ottoheinrichsbau สร้างโดยท่านเคานต์ออตโต ไฮน์ริช ในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 |
จากระเบียงบนปราสาทมองลงไปจะเห็นเมืองไฮเดลแบร์ก ซึ่งอาคารบ้านเรือนจะมีหลังคาสีส้มแดงแบบบารอกจากศตวรรษที่ 18 สะพาน Alte Brucke ที่ทอดข้ามแม่น้ำเนคคาร์ และโบสถ์ Heiliggeistkirche
โบสถ์ Heiliggeistkirche |
ห้องเก็บถังไวน์ไฮเดลแบร์ก
เป็นถังหมักไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดความจุ 222000 ลิตร หน้าถังหมักไวน์มีรูปปั้น Perkeo ตลกหลวงร่างเล็กรับหน้าที่เป็นผู้ดูแล มีเรื่องเล่าว่า เขาเป็นนักดื่มไวน์ที่ชอบไวน์เป็นชีวิตจิตใจ ถึงขั้นดื่มไวน์แทนน้ำ มีอยู่วันหนึ่งเขาถูกลงโทษด้วยการบังคับให้ดื่มน้ำแทนไวน์ ทำให้เขาถึงกับลงแดงและเสียชีวิตไปเลย
Perkeo |
สำหรับนักดื่มก็มีให้ชิมจาก Perkeo (เสียตังค์) |
พิพิธภัณฑ์ยาเยอรมัน (Deutches Apotheken Museum)
อาคารออตโตไฮน์ริช มีทางเข้าไปพิพิธภัณฑ์ยาเยอรมัน จัดแสดงเรื่องราวการพัฒนาการปรุงเวชภัณฑ์ ทั้ง ตำรา อุปกรณ์ทางการแพทย์ เภสัชศาสตร์ วัตถุดิบ ตัวอย่างยา ภาพและหนังโฆษณายาในอดีต
Ruprechtsbau อาคารแบบโกธิคซึ่งเป็นส่วนที่เก่าที่สุดของปราสาท เคยเป็นที่ประทับของรูเพรชท์ที่ 3 เจ้าผู้ครองนครซึ่งเป็นผู้สร้างปราสาทและโบสถ์ Heiliggeistkirche |
ประตูทางเข้า Ruprechtsbau |
นั่ง Funicular ขึ้นต่อไปอีกชั้นที่เป็นจุดชมวิวและร้านอาหาร มองลงมายังปราสาท |
นั่ง Funicular กลับลงมาด้านล่าง จุดหมายต่อไปคือจัตุรัส Marktplatz เป็นย่านเมืองเก่า หรือ Heidelberg Altstadt และโบสถ์ Heiliggeistkirche
Virgin Mary Statue ที่ Korn Markt |
อาคารสวยงามมากบนเชิงเขา |
Marktplatz จัตุรัสใหญ่ใจกลางเมือง กลางจัตุรัสมีน้ำพุเฮอร์คิวลิส และรายรอบด้วยอาคารบ้านเรือนสีสรรสวยงาม ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร กาแฟ ที่จัตุรัสยังเป็นที่ตั้งของที่ว่าการเมือง (Rathaus) แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ โบสถ์ Heiliggeistkirche
Heiliggeistkirche หรือ Church of The Holy Spirit โบสถ์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้สร้างคือ เจ้าอีเล็คเตอร์รูเพรชท์ที่ 3 ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองเป็นกษัตริย์เยอรมันนี ปัจจุบันร่างของท่านก็ถูกฝังอยู่ในโบสถ์แห่งนี้
ก่อสร้างระหว่างปี 1398-1441 และถูกทำลายในช่วงสงครามฝรั่งเศสในปี 1709 และได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในสไตล์บารอค ในช่วงปฏิรูปศาสนา มีความขัดแย้งกันทางความเชื่อ โบสถ์ได้ใช้ฉากกั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนสำหรับประกอบพิธีทางศาสนาของนิกายใหม่และคาธอลิค (1706-1936) แต่ปัจจุบันโบสถ์นี้ได้กลายมาเป็นโบสถ์ในนิกายโปรเตสแตนท์อย่างเต็มตัว ภายในจึงดูเรียบง่ายไม่เหมืองโบสถ์คาธอลิค
Ruprecht III และ Gemahlin Elisabeth |
|
Universitatplatz |
Universitats Bibliotrek หอสมุดของมหาวิทยาลัย |
พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยและหอประชุมเก่า |
ถนนคนเดินสู่เขตเมืองเก่า |
Jesuit Church of Heidelberg (Jesuitenkirche)
สร้างระหว่างปี 1712-1750 โดยคณะผู้ก่อตั้งนิกายเยซูอิทซึ่งได้เข้ามาในไฮเดลแบร์กในปี 1698 ภายนอกเป็นหินทรายสีชมพูประดับด้วยรูปแกะสลักพระเยซูคริสต์และนักบุญอีกหลายท่าน ภายในสีขาวตกแต่งอย่างเรียบง่าย วันที่เข้าชมกำลังมีการซ้อมเพลงโดยออร์แกนยักษ์ เสียงกระหึ่มไพเราะมาก
ระหว่างทางไป Bismarck Platz ซึ่งเป็นศูนย์กลางขนส่งมวลชนของเมือง รถบัส รถรางแทบทุกสายล้วนต้องผ่านจุดนี้
Bismarck Platz |
ห้างสรรพสินค้า Galeria Kaufhof |
Bronze Sculpture of Monkey ที่เชิงสะพาน |
ได้เวลาต้องกลับไปขึ้นรถ Flixbus ที่สถานีรถไฟเพื่อกลับไป Frankfurt รถมาช้าไปครึ่งชั่วโมงทำให้ถึง Frankfurt เกือบทุ่มแล้ว แวะไปดูรถไฟที่พรุ่งนี้จะเดินทางไป Cologn โดยรถไฟความเร็วสูง ICE (ถ้าจะนั่ง ICE ควรจะซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อน เพราะถ้ามาซื้อที่เคาน์เตอร์จะแพงมากกกก แพงกว่าหลายเท่าตัวขอบอก)
ภาพกลางคืนหน้าสถานี Frankfurt Hauptbahnhof สวยงามมาก
เดินกลับไปโรงแรมพักเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ................
ตอนที่แล้ว
ตอนต่อไป
ตอนที่ 26 วันที่ 25 ของการเดินทาง From Frankfurt to Cologn (27Oct)
ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์
การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น