วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

วันที่ 19 ของการเดินทาง From Garmisch-Partenkirchen to Fussen (21Oct)

วันนี้เราจะเดินทางไป Fussen  ตอนเช้าเลย เพราะเมื่อวานได้ขึ้นยอดเขา Zugspitze แล้ว และในเมืองก็เดินสำรวจจนหมดแล้ว จุดหมายข้างหน้าคือ Neuschwanstein Castle และ Hohenschwangau Castle ที่เมือง Fussen


เช้า 9 โมง ออกจากโรงแรมลากกระเป๋าไปที่สถานีรถไฟ ป้ายรถบัส DB Bahn #9606 จะอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟ Garmisch-Partenkirchen ชานชลาที่ 1 ยืนรอที่ป้าย รถมาค่อนข้างตรงเวลา สาย 9606 จะวิ่งไป Fussen วันละเที่ยว ออกเวลา 9.40 น. ซื้อตั๋วกับคนขับได้เลย รถจะจอดรับคนตามป้ายไปตลอดทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ก็ดีที่ได้นั่งรวดเดียวไม่ต้องไปต่อรถอีก และได้ดูวิวข้างทางที่สวยงามมาก






ระหว่างทางใกล้จะถึง Fussen จะผ่าน Neuschwanstein ก่อน แต่เราจะต้องเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมก่อนแล้วค่อยนั่งรถกลับมาอีกที

จุดจอดรถบัสที่เมือง Fussen ก็อยู่ข้างๆสถานีรถไฟ 




รถมาส่งเราที่ Fussen ประมาณเกือบเที่ยงแล้ว เราลากกระเป๋าเข้าไปสวนสาธารณะข้างๆจุดจอดรถเพื่อนั่งดูแผนที่ทางไปโรงแรม ก็มีป้าคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วมองเราด้วยสายตาเป็นมิตรและยิ้มหวาน แล้วถามเราเป็นภาษาเยอรมันที่เราฟังไม่ออก แต่เดาว่าคงจะถามเราว่าจะไปไหน เราเลยให้ป้าดูแผนที่และใบจองโรงแรมซึ่งจะมีเลขที่และถนนบอก แกก็อุตส่าห์อธิบายทางไป ชี้ไปทางนู้นทางนี้ แล้วมองหน้าเราที่งงๆ แกก็จนปัญญาจะอธิบายก็เลยจูงแขนเราให้ตามไป ระหว่างทางก็คุยตลอดทางแต่คุยคนเดียวเพราะเราไม่รู้เรื่องค่ะ  ป้าใจดีมาก พาเรามาส่งจนถึงหน้าประตูโรงแรม เรายกมือไหว้แบบไทยๆขอบคุณในความมีน้ำใจของเจ้าบ้านที่พึ่งรู้จักกัน และขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ขอบคุณมากค่ะคุณป้าผู้ใจดี คนเมืองนี้ยิ้มแย้มเป็นมิตร คงเป็นเพราะเป็นเมืองเล็กๆที่สวยงาม และอากาศก็ดี



โรงแรม Hotel & Restaurant Ludwigs ปกติต้องเช็คอินตอนบ่าย 2 โมง แต่พอดีห้องว่างก็เลยได้เข้าห้องเลย ที่เมืองเล็กโรงแรมก็จะขนาดเล็กไปด้วย แต่ก็สะอาดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง โรงแรมมีไม่มากแต่ก็มักจะไม่เต็มถ้าไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวจริงๆ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากจะใช้วิธีมาเช้าเย็นกลับ โดยไปพักที่เมืองใหญ่ๆ เช่น มิวนิค แต่แผนของเรานั้นจะพักทุกเมืองยกเว้นเมืองที่อยู่ใกล้กันจริงๆ



เก็บของเรียบร้อย เตรียมข้อมูลการเดินทางไป Neuschwanstein Castle เสร็จก็ได้เวลาออกไปขึ้นรถที่ป้ายข้างๆสถานีรถไฟ เราสามารถขึ้นรถบัสสาย 73,78 หรือ 9606 ก็ได้ สามารถซื้อตั๋วกับคนขับได้เลย ถ้าซื้อเที่ยวเดียวจะแพงกว่าไปกลับ ราคาไปกลับ 4.5 ยูโรต่อคน หรือใครมาจากมิวนิคมีตั๋ว Bayern Ticket ก็แสดงตั๋วขึ้นได้ฟรี นั่งไปลงที่ป้าย Hohenschwangau ใช้เวลาประมาณ 15 นาที


เมื่อมาถึงที่ป้าย Schwangau จากป้ายรถบัส เดินไปตามถนน Alpseestrasse จะเห็น Ticket Center




ถ้าต้องการเช้าชมภายใน Schloss หรือปราสาทก็แวะซื้อตั๋วที่นี่ ต้องประมาณเวลาดีๆ เพราะบัตรเข้าปราสาทจะเป็นไกด์ทัวร์เท่านั้นไม่สามารถเดินชมเองตามใจได้ และเป็นเวลา เป็นกรุ๊ปๆมีไกด์บรรยาย และเราต้องมีเวลาเดินทางขึ้นไปปราสาทอีกซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายวิธีขึ้นไปอีกที โดยราคาบัตรจะแบ่งเป็น
- Schloss Neuschwanstein ราคา 13 ยูโร
- Schloss Neuschwanstein + Schloss Hohenschwangau (King's Ticket) ในวันเดียวกัน 25 ยูโร
- Combiticket King Ludwig II's Palace 24 ยูโร เข้าปราสาททั้ง 3 ของ King Ludwig ที่เมืองอื่นได้ด้วย คือ  Schloss Linderhof กับ Schloss Herrenchiemsee มีอายุบัตร 6 เดือน

แต่เราเลือกซื้อบัตร Mehrtagesticket หรือที่เรียกง่ายๆว่า 14 Days Ticket ราคา 44 ยูโรต่อ 2 คน สามารถเข้าปราสาท พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในรัฐบาวาเรียของเยอรมัน มีอายุบัตร 14 วัน เพราะตามแผนของเราจะอยู่ในรัฐบาวาเรียหลายวัน



เมื่อได้บัตร Mehrtagesticket แล้วก็แสดงบัตรนี้เพื่อจะแลกบัตรเข้าในแต่ละที่อีกทีหนึ่ง แต่บัตรนี้ไม่สามารถเข้า Hohenschwangau ได้ เราได้ Tour 501 เวลา 16.25 น. คิวเกือบสุดท้าย ไม่เป็นไรเราก็ยังไม่ขึ้นไป เดี๋ยวไปเดินชมปราสาท Hohenschwangau ก่อน ซึ่งจะมีทางเดินขึ้นข้างๆ Ticket Center


มาดูวิธีขึ้นไปปราสาท Neuschwanstein สามารถขึ้นได้ 3 วิธี


วิธีที่ 1  เดินขึ้น ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ทางเดินประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทางสูงชันพอสมควร
วิธีที่ 2  รถม้า ขึ้นที่หน้าโรงแรม Hotel Muller อยู่ข้างๆ Ticket Center ราคาขาขึ้นคนละ 6 ยูโร ขาลง 3 ยูโร รถม้าจะไปส่งใกล้ๆปราสาท และต้องเดินขึ้นเขาอีกประมาณ 300 เมตร ใช้เวลา 5-10 นาที
วิธีที่ 3  รถบัส ออกจากจุดจอด P4 จะไปส่งถึง Marienbrucke (Mary's Bridge) จากจุดนี้จะต้องเดินลงเขาประมาณ 600 เมตร ใช้เวลา 10-15 นาที ราคารถขาขึ้น 1.8 ยูโร ขาลง 1 ยูโร หรือไปกลับ 2.6 ยูโร





ทางเดินขึ้น Hohenschwangau สามารถขึ้นรถม้าก็ได้


จากจุเริ่มต้นก็จะมองเห็นปราสาทที่มีสีเหลือง ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ มีชื่อว่าปราสาทโฮนชวานเกา (Hohenschwangau) ซึ่งโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนโดยพระเจ้าแม็กซิมิเลียนที่สอง (Maximilian II) พระบิดาของพระเจ้าลุดวิก เจ้าชายลุดวิกในวัยเยาว์ทรงประทับอยู่ที่ปราสาทนี้ และเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างปราสาทของพระองค์เองขึ้นบ้าง พูดง่าย ๆ คือโฮนชวานเกาคือปราสาทของผู้พ่อ ส่วนนอยชวานสไตน์คือปราสาทของผู้ลูก 




hohen ภาษาอังกฤษคือ high 
schwan = swan 
gau = region 
Hohenschwangau ก็คือ High Swan Region




มองลงไปจะเห็นจุดจอดรถ P4 ที่เราจะขึ้นไปปราสาท Neuschwanstein














.3





มองจากที่นี่ไปก็จะเห็นปราสาท Neuschwanstein
ได้เวลาก็ลงจาก Hohenschwangau ครั้งแรกว่าจะลองเดินขึ้นจะได้ชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย แต่ฝนก็เริ่มโปรยลงมาและไม่ได้เอาร่มมาด้วย ไปขึ้นรถบัสดีกว่า

ทางเดินขึ้น Neuschwanstein


 จุดปลายทางที่รถมาส่ง ข้างหน้าเป็น Marienbrucke จุดชมวิวมหาชนที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมาที่นี่ เป็นสะพานเชื่อมสองหน้าผา และเป็นจุดที่ถ่ายภาพปราสาทได้สวยที่สุด




ปราสาทนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 18 ชันษา เป็นกษัตริย์อารมณ์ศิลป์ สนใจศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม ปราสาทแห่งนี้ผู้ออกแบบไม่ใช่สถาปนิก แต่กลับเป็นคนออกแบบฉากละคร ทำให้ปราสาทแห่งนี้เหมือนปราสาทในจินตนาการมากกว่าปราสาทแห่งอื่น ภายนอกสร้างเหมือนปราสาทในยุคกลาง แต่ภายในตกแต่งด้วยศิลปะหลายยุค เช่น ไบแซนไทน์ โรมันเนสก์ โกธิค



Walt Disney ก็คงได้แรงบันดาลใจจากที่นี่




neu ภาษาอังกฤษคือ new 
schwan = swan 
stein = stone
Neuschwanstein Castle ก็คือ New Swan Stone Castle 




บนสะพานเป็นช่องเขา ลมแรงและหนาวมาก



มีทางไปแต่ไม่มีคนเดิน ลองขึ้นไปดูซะหน่อย


มองลงไปเห็น Hohenschwangau เล็กๆ


ทางเดินลงไปยังตัวปราสาท


ปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จ ตอนที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 สิ้นพระชนม์ ปราสาทนี้ได้ถูกสร้างไปเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น แล้วพระเจ้าลุดวิกที่ 2 เองก็เสด็จมาประทับที่ปราสาทแห่งนี้เพียง 170 วันเท่านั้น



คิดถึงเจ้าหญิงบนหอคอยในนิทานสมัยเด็กๆ



พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ทรงนิยมการสร้างปราสาทมาก หลงไหลในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพของเยอรมันและพวกไวกิ้ง และชื่นชอบอุปรากรของริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) เป็นชีวิตจิตใจ จนพวกขุนนางทนไม่ไหว ตั้งข้อหาสติวิปลาส แล้วปลดพระองค์ลงจากตำแหน่ง หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนพบพระศพจมน้ำตายอย่างปริศนา









ป้ายบอกคิวทุก 5 นาที ของเราคิว 501


 ช่วงรอเข้าก็เดินชมตัวปราสาท อากาศหนาวมากเพราะลมแรงต้องหาที่หลบ






มองจากปราสาทจะเห็น Marienbrucke
 ภายในปราสาทห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด และเปิดไฟสลัวๆ ก็เลยยืมภาพจาก official website มาประกอบค่ะ


Lower Hall จุดเริ่มต้นของทัวร์

Throne Hall ห้องราชบัลลังก์
This combination of church and throne room illustrates Ludwig's interpretation of kingship: he saw himself not just as a king by God's grace, but also as a mediator between God and the whole world. This idea is also expressed in the cupola, which is decorated with stars, and the floor mosaic beneath it, which shows the earth with its plants and animals.
Dining Room

Bed Room
Oratory ห้องอธิษฐานในห้องนอน
Dressing Room ห้องแต่งตัว
Salon ห้องโถง


Grotta and Conservatory เป็นเหมือน Winter Garden ในห้องโถง

Study
Singers Hall
เป็นห้องที่ใช้สำหรับจัดแสดงอุปรากรของวากเนอร์โดยเฉพาะ มีการออกแบบระบบอคูสติกของห้องเป็นอย่างดี ภาพวาดที่ประดับห้องนี้มาจากอุปรากรเรื่อง Parsifal ของวากเนอร์ กษัตริย์ลุดวิกไม่มีโอกาสได้ทอดพระเนตรการแสดงในห้องนี้ขณะที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่




Hotel Muller Cafe


 เดินกลับมาขึ้นรถกลับไปยัง Fussen เดี๋ยวจะมืดซะก่อน

รูปปั้น Hiltepold Von Schwangau ข้างๆสถานีรถบัส


วงเวียนกลางเมือง Fussen เดินชมเมืองท่ามกลางสายฝน






St Mang Monument



Rathaus ที่ว่าการเมือง


Ancient Monastry











Hospital Church of The Holy Spirit




Our Lady of The Mountain Church (Frau am Berg Kirche)


Franciscan Monastory and Church of St Stephan

Luthier Maker Statue นักซ่อมเครื่องสาย









ได้เวลากลับโรงแรมแล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกละ จุดหมายต่อไปคือ Munich
พบกันใหม่พรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ .......




ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 19 วันที่ 18 ของการเดินทาง ที่ Garmisch-Partenkirchen (20Oct)

ตอนต่อไป
ตอนที่ 21 วันที่ 20 ของการเดินทาง From Fussen to Munich (22Oct) 

ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์

การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น