วันนี้จะเดินทางไป Munich โดยรถไฟเวลา 10.06 น. ตื่นเช้าออกไปเดินเล่นหาอะไรทาน ยังไม่ค่อยมีร้านเปิดก็ต้องพึ่ง Supermarket รองท้องไปก่อน
กลับมาเช็คเอ้าท์ตอน 9.15 น.เดินไปที่สถานีรถไฟ การเดินทางในเยอรมันของเราส่วนใหญ่จะไม่ได้ซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อน ยกเว้นบางเมืองที่ไม่สะดวกที่จะไปรถไฟก็จะซื้อตั๋วรถบัสไว้ก่อนแล้ว
Bayern Ticket สามารถเลือกซื้อเพื่อเดินทางได้ 2-5 คน โดยราคาจะเริ่มคนแรกที่ 24 ยูโร (ปี 2016) คนต่อไปเพิ่มขึ้นครั้งละ 4 ยูโร เช่นครั้งนี้เราเดินทาง 2 คน ก็จะต้องจ่าย 28 ยูโร ส่วนอายุของตั๋ว เราจะเริ่มใช้ตั๋วได้ ในวัน weekday ตั้งแต่เวลา 9.00 น.ไปจนถึงตี 3 ของวันถัดไป ส่วน weekend และ public holidays จะใช้ตั๋วได้ทุกเวลา จนถึงตี 3 ของวันถัดไป มาดูวิธีซื้อตั๋วจาก Ticket Machine (ถ้าซื้อที่เคาน์เตอร์จะแพงกว่า)
Bayern Ticket สามารถใช้ได้กับขนส่งทุกชนิดในรัฐบาวาเรีย ไม่ว่าจะเป็น Metro, Tram หรือแม้แต่รถบัสก็ขึ้นได้โดยแค่แสดงตั๋วเท่านั้นไม่ต้อง Validate ที่เครื่องเหมือน Single Ticket คุ้มมากใช่มั๊ยคะ
![]() |
หน้าจอแรก ให้เลือกภาษาอังกฤษ (ธงอังกฤษ) |
![]() |
เลือก All offers |
![]() |
เลือก Bayern Ticket |
![]() |
เลือกจำนวนคน |
![]() |
เลือก 2nd class |
![]() |
เลือกวันเดินทาง |
![]() |
เราไม่มีบัตรสะสมแต้มก็เลือก Do not collect |
![]() |
ดูความถูกต้องอีกครั้งแล้วกด Pay |
![]() |
ชำระแบบ Coins, Card หรือ Banknotes |
![]() |
หน้าตาของ Bayern Ticket ให้กรอกชื่อผู้เดินทางทุกคน |
รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ เพราะฉะนั้นมาเที่ยวแถบนี้ต้องตรงเวลาห้ามเลทแม้แต่นิดเดียว เป็นรถไฟ 2 ชั้น เราเลือกนั่งที่ชั้นบน สวย สะอาด กว้างขวางนั่งสบาย
![]() |
Inspector เดินตรวจตั๋วโดยสาร |
ถึงแล้วสถานีรถไฟมิวนิค (Munich Hauptbahnhof) ใหญ่โตอลังการ
เดินออกทางถนน Arnulfstrasse เพราะโรงแรม ibis อยู่บนถนนเส้นนี้ |
เราพักที่ Hotel ibis Muenchen City Arnulfpark 2 คืน
เข้ามาเช็คอินที่โรงแรม แต่เข้าห้องได้ตอนบ่าย 3 โมง เลยฝากกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ แล้วออกเที่ยวเลย ออกมาขึ้น Tram สาย 17 หรือ 16 ที่หน้าโรงแรมไปลงที่ Hauptbahnhof การเดินทางทุกอย่างแค่แสดง Bayern Ticket ถ้ามีคนตรวจ แต่อยู่ในเยอรมันสิบกว่าวันไม่เคยโดนตรวจเลย เขาไว้ใจประชากรของเขามากเลยในความซื่อสัตย์
ที่ HBF เราขึ้น Metro (ที่นี่เขาเรียก U Bahn อูบาน ทางลงตามถนนจะเห็นสัญลักษณ์ตัว U) สาย U4 หรือ U5 ไปลงที่สถานี Odeonplatz
![]() |
การเดินทางในเยอรมัน ระบบขนส่งสาธารณะสะดวกมากทั้ง Tram และ U Bahn, S Bahn แม้แต่การเดินทางไปสนามบินก็ไม่จำเป็นต้องใช้แท็กซี่ซึ่งจะมีราคาแพง |
จากสถานี Odeonplatz เราจะเดินไปที่ Residenz (วังเรสซิเดนซ์) แต่จะผ่าน อนุสาวรีย์ของ King Ludwig I และ Feldhermhalle (หอจอมพล) แวะชมซักหน่อย
หอนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชัยชนะของกองทัพบาวาเรียในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ด้านหน้ามีรูปสลักหินสิงโตคู่ ด้านบนเป็นอนุสาวรีย์ของแม่ทัพแห่งบาวาเรีย
ส่วนโบสถ์ Theatinerkirche ที่เห็นสีเหลืองๆนั้นปิดซ่อม เสียดายมาก
Theatinerkirche ถ่ายได้แต่ยอด นอกนั้นคลุมผ้าไว้ ยอดโดมคู่สูง 71 เมตร |
แวะเข้าไปในสวน HofGarten หรือสวนหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Residenz มีศาลาลักษณะคล้ายโดมของโบสถ์ตั้งอยู่กลางสวน บนหลังคามีรูปปั้นเทพีไดอาน่า ด้านหน้าคนเยอะมาก มีการแสดงของนักดนตรีเปิดหมวกวงใหญ่
ซุ้มทางเข้า Hofgarten |
บนผนังประตูกำแพงทางเข้ามีภาพวาดบอกเรื่องราวเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของของ Wittelsbach (ราชวงศ์วิทเทลส์บาค) การสู้รบ การสวมมงกุฏขึ้นเป็นกษัตริย์
ก่อนเข้าวังทางถนน Residentz Strasse ขอลูบจมูกสิงโตหน้าวังหน่อย ตามความเชื่อคือใครได้ลูบแล้วจะโชคดี ทั้งหมดจะมีอยู่ 4 ตัวค่ะ
เราจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ก่อน (Residenz Museum and Treasury) ซึ่งจัดแสดงคอลเลคชั่นของสะสมโบราณที่เป็นสมบัติของสมาชิกราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทอง เตรื่องประดับและมงกุฏของกษัตริย์บาวาเรีย ละลานตา คุณค่านั้นคงประเมินไม่ได้
Crown of a German Queen |
Cross of Queen Gisela of Hungary |
พระเยซูล้างเท้าสาวก |
Bavarian King's and Queen's Crowns |
ออกจาก Museum เดินต่อไปยัง Grottenhof (Grotto Courtyard) ประดับประดาด้วยรูปปั้น น้ำพุ และตกแต่งด้วยเปลือกหอยจำนวนมาก
Residentz (วังเรสซิเดนซ์) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1385 เป็นที่ประทับและเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์วิทเทลส์บาค (Wittelsbach) ยาวนานประมาณ 500 ปี จนถึงยุคของพระเจ้าลุดวิคที่ 3 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของบาวาเรีย ปัจจุบันเป็นที่รวบรวมสมบัติและงานศิลปะ เครื่องใช้ของราชวงศ์ ภายในพระราชวังที่กว้างใหญ่นี้มีห้องต่างๆกว่า 130 ห้อง
ส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังก็คือ แอนติควาเรียม (Antiquarium) เป็นห้องโถงเพดานโค้งสไตล์เรอเนสซองส์ ใช้เก็บงานจำพวกรูปปั้นต่างๆ ซึ่งเป็นสมบัติของ ดยุคอัลเบรสท์ที่ 5 (Albrecht V) แห่งออสเตรีย
หลังคาโค้งประดับด้วยภาพวาด 102 ภาพ
จาก Antiaquarium เดินทะลุไปยังห้องต่างๆในพระราชวัง ซึ่งมีกว่า 130 ห้อง
Elector's Audience and Conference Room |
Room Heater เครื่องให้ความอบอุ่น |
Elector's Room |
The Imperial Hall by Maximilian I |
Electress Audience Chamber |
King's Bedroom |
Queen's Bedroom |
Music Room |
Game and Music Room |
Ornate Room หรือเรียกอีกอย่างว่า Rich Room ใช้เป็นที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมือง ห้องประชุมและห้องพักผ่อนส่วนตัว ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และงานศิลปะล้ำค่า
Mirror Room |
ห้อง Ahnengalerie ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักปิดทอง ลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม และประดับด้วยภาพของสมาชิกราชวงศ์วิเทลส์บาค
Cuvillies Theater เป็นโรงละครหลวงสไตล์รอคโคโค เน้นสีทองและสีแดง ซึ่งครั้งหนึ่งโมสาร์ทก็ได้เคยมาเปิดการแสดงที่นี่
ออกจากวังเรสซิเดนซ์ เดินต่อไปที่ Max-Joseph Platz
Max-Joseph Platz เป็นจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองมิวนิค ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์ Maximillian I Joseph ,King of Bavaria ด้านหลังเป็นอาคาร National Theater
เดินต่อไปมุ่งหน้าสู่ Marienplatz จะผ่าน Marienhof เป็นเหมือนสวนสาธารณะที่ชาวเมืองมานั่งรับแดดกัน
มองเห็นไกลๆที่เป็นโดมหัวหอมคู่ คือ โบสถ์เฟราเอิน (Frauenkirche) ที่เรากำลังจะเดินไป
อาคารนี้ตกแต่งได้สวยงามมาก |
![]() |
ภายนอกกำลังซ่อมแซมอีกละ |
![]() |
Teufelstritt หรือ Devil's Footprint ที่โถงทางเข้าโบสถ์ เชื่อกันว่ารอยเท้านี้เกิดจากการกระทืบอย่างแรงของซาตานที่เสียรู้มนุษย์ |
เดินต่อไปยัง Marienplatz
Marienplatz ตั้งชื่อตามเสาพระแม่มารี (Mariensaule) ซึ่งตั้งอยู่กลางจัตุรัส สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 1 ในปี 1638 มีรูปปั้นทองคำพระแม่มารีอุ้มพระบุตร บนยอดเสาหินอ่อน
Neues Rathaus ศาลากลางเมืองหลังใหม่ เป็นสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค จุดเด่นอยู่ที่หอระฆังยอดแหลมที่สูงถึง 85 เมตร มีะฆังติดตั้ง 43 ใบ มีรูปปั้นทองแดง 32 ตัวประดับตรงหน้ามุข นักท่องเที่ยวจะมารอดูนาฬิกาบอกเวลา และจะมีตุ๊กตากลออกมาเต้นระบำประกอบเสียงตีระฆัง ช่องบนจะเป็นตุ๊กตาประลองยุทธ ส่วนช่องล่างจะเป็นตุ๊กตาชาวเมืองที่เต้นฉลองการสิ้นสุดของกาฬโรค
ยอดโดมคู่ของโบสถ์ Frauenkirche |
ศาลากลางเมืองหลังเก่าและพิพิธภัณฑ์ของเล่น |
Heiliggeeistkirche ถูกสร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมดในปี 1724-1730 เนื่องจากถูกทำลายและเสียหายอย่างหนักจากสงครามโลกครั้งที่ 2
เย็นแล้วตั้งใจจะแวะทานขาหมูเยอรมัน ร้านที่ดังที่สุดในมิวนิค โรงเบียร์ Hofbrauhaus ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 400 ปี ตั้งแต่ปี 1589 พอดีเป็นช่วงเวลาอาหารเย็น นักท่องเที่ยวเยอะมาก เข้าไปในร้านเปิดไฟสลัวๆ คนเต็มร้านไม่มีที่ว่างเลย ที่นั่งจะเป็นแบบโต๊ะยาวๆ ตรงไหนว่างก็แทรกเข้าไปร่วมกับคนอื่น แต่เดินไปมาในร้านประมาณครึ่งชั่วโมงยังหาที่นั่งไม่ได้ พอได้ที่นั่งตรงสวนด้านนอก บริกรก็มารับออเดอร์ และบอกเราว่าในสวนจำหน่ายเฉพาะเบียร์เท่านั้น เราก็เลยออกมา คิดว่าพรุ่งนี้จะมาอีกครั้ง ต้องกินให้ได้ 555
ก่อนกลับโรงแรมเราก็แวะเก็บภาพบรรยากาศกลางคืนของ Marienplatz ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ยังเยอะมาก
ร้านคริสตัส Swarovski มีทั่วยุโรป |
วันนี้เดินทางมาไกลแล้วยังเที่ยวตะลอนหลายแห่ง ขอกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นก่อนนะคะ
ราตรีสวัสดิ์..........................
ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 20 วันที่ 19 ของการเดินทาง From Garmisch-Partenkirchen to Fussen (21Oct)
ตอนต่อไป
ตอนที่ 22 วันที่ 21 ของการเดินทาง ที่ Munich (23Oct)
ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์
การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น