วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

วันที่ 20 ของการเดินทาง From Fussen to Munich (22Oct)

วันนี้จะเดินทางไป Munich โดยรถไฟเวลา 10.06 น. ตื่นเช้าออกไปเดินเล่นหาอะไรทาน ยังไม่ค่อยมีร้านเปิดก็ต้องพึ่ง Supermarket รองท้องไปก่อน 


กลับมาเช็คเอ้าท์ตอน 9.15 น.เดินไปที่สถานีรถไฟ การเดินทางในเยอรมันของเราส่วนใหญ่จะไม่ได้ซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อน ยกเว้นบางเมืองที่ไม่สะดวกที่จะไปรถไฟก็จะซื้อตั๋วรถบัสไว้ก่อนแล้ว





จาก Fussen ไป Munich ซึ่งเป็นเมืองในรัฐบาวาเรีย จะมีตั๋วพิเศษเรียกว่า Bayern Ticket ที่ใช้ไปได้ทั่วทั้งรัฐและเมืองที่ติดเขตของรัฐบาวาเรีย จะมีราคาที่ถูกกว่าซื้อตั๋ว Single Ticket 
Bayern Ticket สามารถเลือกซื้อเพื่อเดินทางได้ 2-5 คน โดยราคาจะเริ่มคนแรกที่ 24 ยูโร (ปี 2016) คนต่อไปเพิ่มขึ้นครั้งละ 4 ยูโร เช่นครั้งนี้เราเดินทาง 2 คน ก็จะต้องจ่าย 28 ยูโร ส่วนอายุของตั๋ว เราจะเริ่มใช้ตั๋วได้ ในวัน weekday ตั้งแต่เวลา 9.00 น.ไปจนถึงตี 3 ของวันถัดไป  ส่วน weekend และ public holidays จะใช้ตั๋วได้ทุกเวลา จนถึงตี 3 ของวันถัดไป มาดูวิธีซื้อตั๋วจาก Ticket Machine (ถ้าซื้อที่เคาน์เตอร์จะแพงกว่า)
Bayern Ticket สามารถใช้ได้กับขนส่งทุกชนิดในรัฐบาวาเรีย ไม่ว่าจะเป็น Metro, Tram หรือแม้แต่รถบัสก็ขึ้นได้โดยแค่แสดงตั๋วเท่านั้นไม่ต้อง Validate ที่เครื่องเหมือน Single Ticket คุ้มมากใช่มั๊ยคะ


หน้าจอแรก ให้เลือกภาษาอังกฤษ (ธงอังกฤษ)

เลือก All offers

เลือก Bayern Ticket

เลือกจำนวนคน

เลือก 2nd class

เลือกวันเดินทาง

เราไม่มีบัตรสะสมแต้มก็เลือก Do not collect

ดูความถูกต้องอีกครั้งแล้วกด Pay

ชำระแบบ Coins, Card หรือ Banknotes



หน้าตาของ Bayern Ticket ให้กรอกชื่อผู้เดินทางทุกคน

รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ เพราะฉะนั้นมาเที่ยวแถบนี้ต้องตรงเวลาห้ามเลทแม้แต่นิดเดียว เป็นรถไฟ 2 ชั้น เราเลือกนั่งที่ชั้นบน สวย สะอาด กว้างขวางนั่งสบาย

Inspector เดินตรวจตั๋วโดยสาร



ถึงแล้วสถานีรถไฟมิวนิค (Munich Hauptbahnhof) ใหญ่โตอลังการ




เดินออกทางถนน Arnulfstrasse เพราะโรงแรม ibis อยู่บนถนนเส้นนี้




เราพักที่ Hotel ibis Muenchen City Arnulfpark 2 คืน



เข้ามาเช็คอินที่โรงแรม แต่เข้าห้องได้ตอนบ่าย 3 โมง เลยฝากกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ แล้วออกเที่ยวเลย ออกมาขึ้น Tram สาย 17 หรือ 16 ที่หน้าโรงแรมไปลงที่ Hauptbahnhof การเดินทางทุกอย่างแค่แสดง Bayern Ticket ถ้ามีคนตรวจ แต่อยู่ในเยอรมันสิบกว่าวันไม่เคยโดนตรวจเลย เขาไว้ใจประชากรของเขามากเลยในความซื่อสัตย์


ที่ HBF เราขึ้น Metro (ที่นี่เขาเรียก U Bahn  อูบาน ทางลงตามถนนจะเห็นสัญลักษณ์ตัว U) สาย U4 หรือ U5 ไปลงที่สถานี Odeonplatz 

การเดินทางในเยอรมัน ระบบขนส่งสาธารณะสะดวกมากทั้ง Tram และ U Bahn, S Bahn แม้แต่การเดินทางไปสนามบินก็ไม่จำเป็นต้องใช้แท็กซี่ซึ่งจะมีราคาแพง




จากสถานี Odeonplatz เราจะเดินไปที่ Residenz (วังเรสซิเดนซ์) แต่จะผ่าน อนุสาวรีย์ของ King Ludwig I และ Feldhermhalle (หอจอมพล) แวะชมซักหน่อย 





หอนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชัยชนะของกองทัพบาวาเรียในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ด้านหน้ามีรูปสลักหินสิงโตคู่ ด้านบนเป็นอนุสาวรีย์ของแม่ทัพแห่งบาวาเรีย
ส่วนโบสถ์ Theatinerkirche ที่เห็นสีเหลืองๆนั้นปิดซ่อม เสียดายมาก





Theatinerkirche ถ่ายได้แต่ยอด นอกนั้นคลุมผ้าไว้ ยอดโดมคู่สูง 71 เมตร

แวะเข้าไปในสวน HofGarten หรือสวนหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Residenz มีศาลาลักษณะคล้ายโดมของโบสถ์ตั้งอยู่กลางสวน บนหลังคามีรูปปั้นเทพีไดอาน่า ด้านหน้าคนเยอะมาก มีการแสดงของนักดนตรีเปิดหมวกวงใหญ่ 

ซุ้มทางเข้า Hofgarten












บนผนังประตูกำแพงทางเข้ามีภาพวาดบอกเรื่องราวเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของของ Wittelsbach (ราชวงศ์วิทเทลส์บาค) การสู้รบ การสวมมงกุฏขึ้นเป็นกษัตริย์







ออกจากสวนไปเข้าตัวพระราชวังเรสซิเดนซ์ (Residenz) ซึ่งภายนอกก็อยู่ในระหว่างการซ่อมแซมเช่นกัน แต่ภายในวังและพิพิธภัณฑ์เข้าดูได้ ค่าตั๋วคนละ 13 ยูโร แต่จำได้มั๊ยเรามี Mehrtagesticket หรือ 14 Days Ticket เข้าได้ฟรีทั้ง 2 คนค่ะ
ก่อนเข้าวังทางถนน Residentz Strasse ขอลูบจมูกสิงโตหน้าวังหน่อย ตามความเชื่อคือใครได้ลูบแล้วจะโชคดี ทั้งหมดจะมีอยู่ 4 ตัวค่ะ





เราจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ก่อน (Residenz Museum and Treasury) ซึ่งจัดแสดงคอลเลคชั่นของสะสมโบราณที่เป็นสมบัติของสมาชิกราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทอง เตรื่องประดับและมงกุฏของกษัตริย์บาวาเรีย ละลานตา คุณค่านั้นคงประเมินไม่ได้




Crown of  a German Queen

Cross of Queen Gisela of  Hungary







พระเยซูล้างเท้าสาวก









Bavarian King's and Queen's Crowns





ออกจาก Museum เดินต่อไปยัง Grottenhof (Grotto Courtyard) ประดับประดาด้วยรูปปั้น น้ำพุ และตกแต่งด้วยเปลือกหอยจำนวนมาก







Residentz (วังเรสซิเดนซ์) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1385 เป็นที่ประทับและเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์วิทเทลส์บาค (Wittelsbach) ยาวนานประมาณ 500 ปี จนถึงยุคของพระเจ้าลุดวิคที่ 3 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของบาวาเรีย ปัจจุบันเป็นที่รวบรวมสมบัติและงานศิลปะ เครื่องใช้ของราชวงศ์ ภายในพระราชวังที่กว้างใหญ่นี้มีห้องต่างๆกว่า 130 ห้อง
ส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังก็คือ แอนติควาเรียม (Antiquarium) เป็นห้องโถงเพดานโค้งสไตล์เรอเนสซองส์ ใช้เก็บงานจำพวกรูปปั้นต่างๆ ซึ่งเป็นสมบัติของ ดยุคอัลเบรสท์ที่ 5 (Albrecht V) แห่งออสเตรีย









หลังคาโค้งประดับด้วยภาพวาด 102 ภาพ 











จาก Antiaquarium เดินทะลุไปยังห้องต่างๆในพระราชวัง ซึ่งมีกว่า 130 ห้อง




Elector's Audience and Conference Room

Room Heater เครื่องให้ความอบอุ่น


Elector's Room



The Imperial Hall by Maximilian I




Electress Audience Chamber



King's Bedroom



Queen's Bedroom


Music Room

Game and Music Room





Ornate Room หรือเรียกอีกอย่างว่า Rich Room ใช้เป็นที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมือง ห้องประชุมและห้องพักผ่อนส่วนตัว ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และงานศิลปะล้ำค่า



Mirror Room


ห้อง Ahnengalerie ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักปิดทอง ลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม และประดับด้วยภาพของสมาชิกราชวงศ์วิเทลส์บาค



Cuvillies Theater เป็นโรงละครหลวงสไตล์รอคโคโค เน้นสีทองและสีแดง ซึ่งครั้งหนึ่งโมสาร์ทก็ได้เคยมาเปิดการแสดงที่นี่



ออกจากวังเรสซิเดนซ์ เดินต่อไปที่ Max-Joseph Platz 
Max-Joseph Platz เป็นจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองมิวนิค ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์ Maximillian I Joseph ,King of Bavaria ด้านหลังเป็นอาคาร National Theater








เดินต่อไปมุ่งหน้าสู่ Marienplatz จะผ่าน Marienhof เป็นเหมือนสวนสาธารณะที่ชาวเมืองมานั่งรับแดดกัน



มองเห็นไกลๆที่เป็นโดมหัวหอมคู่ คือ โบสถ์เฟราเอิน (Frauenkirche) ที่เรากำลังจะเดินไป


อาคารนี้ตกแต่งได้สวยงามมาก
ภายนอกกำลังซ่อมแซมอีกละ
Frauenkirche หรือ Church of Our Lady เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันตอนใต้ อยู่ในท่ามกลางอาคารร้านค้า แต่โดดเด่นด้วยหอคอยคู่สูงถึง 99 เมตร สร้างขึ้นในปี 1494 แต่หอคอยคู่มาสร้างทีหลังในปี 1525 ภายในโบสถ์ดูจากสายตาไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ แต่จุคนได้ถึง 20000 คน

Teufelstritt หรือ Devil's Footprint ที่โถงทางเข้าโบสถ์ เชื่อกันว่ารอยเท้านี้เกิดจากการกระทืบอย่างแรงของซาตานที่เสียรู้มนุษย์





เดินต่อไปยัง Marienplatz


Marienplatz ตั้งชื่อตามเสาพระแม่มารี (Mariensaule) ซึ่งตั้งอยู่กลางจัตุรัส สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 1 ในปี 1638 มีรูปปั้นทองคำพระแม่มารีอุ้มพระบุตร บนยอดเสาหินอ่อน



Neues Rathaus ศาลากลางเมืองหลังใหม่ เป็นสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค จุดเด่นอยู่ที่หอระฆังยอดแหลมที่สูงถึง 85 เมตร มีะฆังติดตั้ง 43 ใบ มีรูปปั้นทองแดง 32 ตัวประดับตรงหน้ามุข นักท่องเที่ยวจะมารอดูนาฬิกาบอกเวลา และจะมีตุ๊กตากลออกมาเต้นระบำประกอบเสียงตีระฆัง ช่องบนจะเป็นตุ๊กตาประลองยุทธ ส่วนช่องล่างจะเป็นตุ๊กตาชาวเมืองที่เต้นฉลองการสิ้นสุดของกาฬโรค






ยอดโดมคู่ของโบสถ์ Frauenkirche 

ศาลากลางเมืองหลังเก่าและพิพิธภัณฑ์ของเล่น


Heiliggeeistkirche ถูกสร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมดในปี 1724-1730 เนื่องจากถูกทำลายและเสียหายอย่างหนักจากสงครามโลกครั้งที่ 2










เย็นแล้วตั้งใจจะแวะทานขาหมูเยอรมัน ร้านที่ดังที่สุดในมิวนิค โรงเบียร์ Hofbrauhaus ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 400 ปี ตั้งแต่ปี 1589 พอดีเป็นช่วงเวลาอาหารเย็น นักท่องเที่ยวเยอะมาก เข้าไปในร้านเปิดไฟสลัวๆ คนเต็มร้านไม่มีที่ว่างเลย ที่นั่งจะเป็นแบบโต๊ะยาวๆ ตรงไหนว่างก็แทรกเข้าไปร่วมกับคนอื่น แต่เดินไปมาในร้านประมาณครึ่งชั่วโมงยังหาที่นั่งไม่ได้ พอได้ที่นั่งตรงสวนด้านนอก บริกรก็มารับออเดอร์ และบอกเราว่าในสวนจำหน่ายเฉพาะเบียร์เท่านั้น เราก็เลยออกมา คิดว่าพรุ่งนี้จะมาอีกครั้ง ต้องกินให้ได้ 555





ก่อนกลับโรงแรมเราก็แวะเก็บภาพบรรยากาศกลางคืนของ Marienplatz ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ยังเยอะมาก





ร้านคริสตัส Swarovski มีทั่วยุโรป



วันนี้เดินทางมาไกลแล้วยังเที่ยวตะลอนหลายแห่ง ขอกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นก่อนนะคะ
ราตรีสวัสดิ์..........................



ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 20 วันที่ 19 ของการเดินทาง From Garmisch-Partenkirchen to Fussen (21Oct)

ตอนต่อไป
ตอนที่ 22 วันที่ 21 ของการเดินทาง ที่ Munich (23Oct)

ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์

การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น