วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

วันที่ 21 ของการเดินทาง ที่ Munich (23Oct)

วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่มิวนิค แต่เมื่อวานก็เดินตามแผนได้เยอะพอสมควรเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร้านค้าและสถานที่ต่างๆส่วนใหญ่จะปิด แผนสำหรับวันนี้คือ พระราชวังนึมเฟนบวร์ก (Schloss Nymphenburg) และคงจะหาโอกาสเข้าร่วมนมัสการพระเจ้าตามโบสถ์ต่างๆ


วันนี้ออกจากโรงแรม 9 โมง ขึ้นรถรางสาย 17 ที่หน้าโรงแรม ซื้อ Day Ticket ได้เลยที่ตู้จำหน่ายบนรถราง สะดวกมาก ป้ายหน้าโรงแรมคือ Marsstrasse ไปลงที่ป้าย Schloss Nymphenburg 7 ป้าย Day Ticket จะใช้ได้ 24 ชั่วโมง ถ้าเราซื้อตั๋วบนรถเครื่องจะพิมพ์เวลาให้เลยไม่ต้อง validate อีก

Ticket Machine บนรถราง


เครื่อง Validate ตั๋ว

ตั๋ววัน 2 คน 12.2 ยูโร



พระราชวังนึมเฟนบวร์ก (Nymphenburg Castle) เป็นวังที่ประทับฤดูร้อนของราชวงศ์ในรัฐบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคืออิเล็คเตอร์เฟอร์ดินานด์ มาเรีย (Ferdinand Maria) เจ้าชายแห่งรัฐวาบาเรีย มอบให้เจ้าหญิงเฮนเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย (Henriette Adelaide of Savoy) ในปี 1664 หลังจากมีพระโอรสองค์แรกซึ่งต่อมาคือ แม็กซิมิเลี่ยนที 2 เอ็มนานูเอล ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี 1675 ออกแบบโดยสถาปนิคอากอสติโน บาเรนลี 

























Ceiling fresco in the Steinerner Saal





Elector Ferdinand Maria and Henriette Adelaide
of Savoy
, Sebastiano Bombelli, 1666


ในรัชสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 1 ได้รับการกล่าวขานถึงการตกแต่งภายในอันงดงามและสวนสวย ไฮไลท์ของพระราชวังนี้คือ Gallery of Beauties (Schönheitengalerie) ของพระเจ้าลุดวิกที่ 1 เพราะเป็นสถานที่แสดงภาพวาดสตรีสาวงาม 36 นางในสังคมขุนนางและชนชั้นกลางของมิวนิค รวมถึงภาพวาดนาง โลล่า มอนเทช นักเต้นรำชาวไอริช ผู้มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าลุดวิกที่ 1 และเป็นเหตุที่ทำให้พระองค์สละราชบัลลังก์ ในปี 1848


Ludwig I

Lola Montez
Charlotte von Hagn







ห้องประสูติของ Konig Ludwigs II


The Chinese Cabinet with chinoiserie





สวนด้านหน้า

สวนด้านหลัง




The grand parterre

a greek god Kronos eating his children.


Jupiter


ด้านหน้าพระราชวัง











ถ่ายจากทางเข้าตอนกลับ

Panoramic view of Nymphenburg Palace

ภาพวาดอาณาเขตส่วนหนึ่งของ Schloss Nymphenburg
ออกจาก Nymphenburg แวะเข้าโบสถ์ใกล้ๆ กำลังมีการนมัสการ


Christkönig Kirche (โบสถ์พระคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์)





นั่งรถรางสาย 17 ย้อนกลับไปทางเดิมไปลงที่ Hauptbahnhof แล้วนั่ง U4, U5 ไปลงที่สถานี Karlsplatz ถึงแม้เป็นวันอาทิตย์ที่สถานที่ส่วนใหญ่จะปิด ก็ยังมีนักท่องเที่ยวและชาวเมืองออกมานั่งรับแดดตามที่สาธารณะ





ปกติจะเป็นลานน้ำพุ แต่วันนี้ปิด



Landgericht Munchen I


Oberlandesgericht Munchen








Karlstor ประตูเมือง







Burgersaalkirche โบสถ์เล็กๆและ museum เล็กๆที่ได้รวมงานศิลปะรูปปั้นการตรึงกางเขนพระเยซูคริสต์ เป็นชุดงานที่สวยงามมาก 



พระเยซูในสวนเกทเสมนี “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด” (ลูกา 22:42)

เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่ได้การมีแต่จะเกิดวุ่นวายขึ้น ท่านก็เอาน้ำล้างมือต่อหน้าหมู่ชน แล้วว่า “เราไม่มีผิดด้วยเรื่องโลหิตของคนชอบธรรมคนนี้ เจ้ารับธุระเอาเองเถิด” (มัทธิว 27:24)

เมื่อพวกเขาเอาหนามสานเป็นมงกุฎ เขาก็สวมพระเศียรของพระองค์ แล้วเอาไม้อ้อให้ถือไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และเขาได้คุกเข่าลงต่อพระพักตร์พระองค์ เยาะเย้ยพระองค์ว่า “กษัตริย์ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ” (มัทธิว 27:29)

 แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายรดพระองค์ และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์ (มัทธิว 27:30)


มีคนเป็นอันมากตามพระองค์ไป ทั้งพวกผู้หญิงที่พิลาปและคร่ำครวญเพราะพระองค์ พระเยซูจึงหันพระพักตร์มาทางเขาตรัสว่า “ธิดาเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้เพราะเราเลย แต่จงร้องไห้เพราะตนเอง และเพราะลูกทั้งหลายของตนเถิด ด้วยว่า ดูเถิด จะมีเวลาหนึ่งที่เขาทั้งหลายจะว่า ‘ผู้หญิงเหล่านั้นที่เป็นหมัน และครรภ์ที่มิได้ปฏิสนธิ และหัวนมที่มิได้ให้ดูดเลย ก็เป็นสุข’ คราวนั้นเขาจะเริ่มกล่าวแก่ภูเขาทั้งหลายว่า ‘จงล้มทับเราเถิด’ และแก่เนินเขาว่า ‘จงปกคลุมเราไว้’ เพราะว่าถ้าเขาทำอย่างนี้เมื่อไม้สด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไม้แห้งแล้วเล่า” (ลูกา 23:27-31)




พระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า สถานที่กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา (ยอห์น 19:17)



เมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า กะโหลกศีรษะ เขาก็ตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนที่นั่น (ลูกา 23:33)

ฝ่ายพระเยซูจึงตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ขอโปรดอภัยโทษพวกเขา เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร” (ลูกา 23:34)

เมื่อเชิญพระศพลงแล้ว เขาจึงเอาผ้าป่านพันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์ ซึ่งเจาะไว้ในศิลาที่ยังมิได้วางศพผู้ใดเลย (ลูกา 23:53)




ที่ชั้นสองยังมีห้องนมัสการอีกแห่งที่มีแท่นบูชาและจิตรกรรมฝาผนังที่สวยสดงดงาม




St Michael's Church เป็นโบสถ์นิกายเยซูอิด สร้างเมื่อปี 1597 เป็นสถาปัตยกรรมเรอเนสซองซ์ มุขด้านหน้ามีรูปปั้นอัศวินบาเยิร์น 16 คน เหนือประตูทางเข้าเป็นรูปปั้นของ St Michael ฑูตสวรรค์ในพระคัมภีร์ไบเบิล ที่นี่จะมีวัน St Michael คือวันที่ 29 กันยายนของทุกปี
St Michael's Church ยังเป็นที่ฝังพระศพของสมาชิกราชวงศ์ Wittelbach เช่น Maximilian I รวมทั้ง Ludwig II ผู้สร้างปราสาท Neuschwanstein



พิธีมิสซา












Neues Rathaus ศาลากลางเมืองใหม่ Marienplatz





Fish Fountain



Altes Rathaus ศาลากลางเมืองเก่า



วันนี้กลับมาที่โรงเบียร์ Hofbrauhaus อีกครั้งเพราะเมื่อวานไม่มีที่นั่ง วันนี้มาเร็วหน่อยรอสัก 10 นาทีก็ได้ที่นั่งร่วมโต๊ะกับพ่อลูกอ่อน แน่นอนเมนูแนะนำก็คือ ขาหมูเยอรมัน อร่อยมากค่ะ










Original HB sausage platter ไส้กรอกเสริฟพร้อมกะหล่ำปลีดอง (sauerkraut) ไส้กรอกเนื้อแน่นออกเค็มนิดๆ ทานกับมัสตาร์ด

A whole Roasted Knuckle of pork (ภาษาเยอรมัน Schweinehaxe) ที่ Hofbrauhaus จะเป็นขาหมูหมักเครื่องเทศสูตรเฉพาะที่นี่ ราดด้วยซอสเกรวี่แบบ homemade พร้อมด้วย Knodel เป็นลูกบอลมันฝรั่งบดผสมกับแป้งเนื้อนุ่มหนึบ


จะเหลือเรอะ 555






ถ้ามามิวนิคในช่วงปลายเดือนกันยายนและต้นเดือนตุลาคม ก็จะได้ร่วมฉลองเทศกาล Oktoberfest เป็นเทศกาลเบียร์ที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ทุกปีจะมีคนมาร่วมงานนี้ราว 7 ล้านคน จัดนานถึง 16 วัน แต่เรามาถึงมิวนิคช่วงปลายเดือนแล้วเลยอด


Viktualienmarkt ตลาดวีคทัวลีนมาร์ค เป็นตลาดขายอาหาร พอดีวันอาทิตย์ตลาดปิดค่ะ มีร้านเปิดนิดหน่อยประปราย เลยอดเดินชม





จูเลียตยืนหน้าเศร้ารอคอยโรมิโอ แถมยังถูกนักท่องเที่ยวรวนรามจนหน้าอกข้างหนึ่งเป็นสีทอง

Perterskirche (St Peter's Church) โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ตั้งอยู่ใกล้กับ Marienplatz เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมิวนิค สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และได้รับการบูรณะใหม่ในศตวรรษที่ 17 มียอดหอคอยสูง 91 เมตร 






ตอนถ่ายภาพเป็นเวลาหลังพิธีกรรม ภาพจึงเต็มไปด้วยควันของกำยานที่ใช้ในพิธี












บ่ายๆรู้สึกไม่ค่อยสบายเหมือนจะเป็นไข้ เลยนั่ง S Bahn สาย 7 ลง HBF แล้วต่อรถรางสาย 17 กลับโรงแรมนอนพัก พรุ่งนี้จะต้องเดินทางอีกแล้วและตามแผนจะไปที่ Wurzburg ฝากกระเป๋าแล้วจะไปเที่ยว Rothenburg ob der Tauber เมืองเล็กๆก่อนแล้วค่อยกลับไปนอนที่ Wurzburg


มาถึงโรงแรมบ่าย 4 โมง นอนหลับสลบไสล ตื่นขึ้นมาไม่รู้คุณสามีหายไปไหน นอนรอด้วยใจตุ๋มๆต้อมๆ นึกว่าจะมาถูกทิ้งที่เยอรมันซะแล้ว รอนานมาก คุณสามีกลับมาเกือบทุ่ม พร้อมอาหารและผลไม้ บอกว่าดูในเว็บบอกมีร้านขายของไทยๆและอาหารไทยที่ย่าน Rosenheimer Platz ก็เลยนั่งรถรางสาย 17 ไปลง Ostfriedhof แล้วต่อสาย 15 ไปลง Rosenheimer Platz เดินหาร้านไทยไม่เจอ และร้านต่างๆก็ปิดหมดซื้ออะไรไม่ได้เลย กลับมาที่ HBF พอดีมี Supermarket เปิดร้านเดียว คนเยอะมากต้องต่อคิวซื้อนานมาก


ได้นอนและทานอาหารเสร็จรู้สึกดีขึ้นมาก 
พรุ่งนี้พบกันที่ Wurzburg และ Rothenburg ob der Tauber
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ.......................



ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 21 วันที่ 20 ของการเดินทาง From Fussen to Munich (22Oct)

ตอนต่อไป
ตอนที่ 23 วันที่ 22 ของการเดินทาง From Munich to Wurzburg (24Oct)

ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์

การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น