บรรยากาศตอนเช้ายังเงียบสงบไม่ค่อยมีผู้คนออกมาเดินเท่าไหร่
โรงแรมที่พัก Cert a Kaca |
เช่นเคยเราได้ซื้อตั๋วโดยสารออนไลน์มาแล้ว ราคา 800 CZK ต่อคน บนรถจะมีผู้โดยสารเดินทางร่วมกันไม่เกิน 8 คน ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ข้ามเขตเข้าสู่ประเทศออสเตรีย
ATO Lahn ทั้งสถานีรถและเรือข้ามฟากอยู่ที่นี่ |
มาถึง Hallstatt แล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้วิธีไปกลับจาก Cesky Krumlov หรือจากเมืองอื่น เช๋น Salzburg, Vienna เพราะค่าพักที่นี่แพงมากและต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน ตลอดทริป 35 วันของเราต้องจ่ายค่าที่พักที่นี่แพงที่สุด นักท่องเที่ยวบางคนก็จะใช้วิธีไปพักที่ Obertraun ซึ่งอยู่อีกฝั่งของทะเลสาป Hallstatt See (See ภาษาเยอรมันแปลว่า ทะเลสาป) ราคาจะถูกกว่ามาก นั่งเรือข้ามหรือรถยนต์อ้อมมาตามถนนก็ได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที แต่เราเลือกที่จะพักในตัวหมู่บ้านเพราะต้องการซึมซับบรรยากาศทั้งตอนค่ำและตอนเช้าตรู่ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก (เป็นที่ทราบกันดีว่าเวลาทองของนักถ่ายภาพคือตอนเช้าตรู่กับตอนใกล้ค่ำ) เพียงเดินออกมาจากโรงแรมที่พักก็สามารถเดินไปได้ทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว จะได้สัมผัสชีวิตของเมืองนี้ ทั้งการใช้ชีวิตของชาวเมืองและสภาพบ้านเมืองที่แสนสงบขณะที่นักท่องเที่ยวยังไม่มา
ฮัลสแตทท์ (Hallstatt) เป็นหมู่บ้านเล็กๆในประเทศออสเตรีย ตัวหมู่บ้านอยู่เลาะตามริมทะเลสาป Hallstatt See และตามไหล่เขา มีประชากรเพียงพันกว่าคน เคยมีชื่อเสียงในการทำเหมืองเกลือ (Salt mine) ซึ่งปัจจุบันก็เป็นจุดขายหนึ่งของที่นี่ ในปี 1997 Hallstatt ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ Unesco
ฮัลสแตทท์ ก็เป็นเมืองเล็กๆอีกเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองในฝันของหลายๆคนที่หมายมั่นจะได้มาเยือนสักครั้งในชีวิต เป็นเมืองที่เงียบสงบ มีทะเลสาปที่สวยงามน้ำใสปานกระจก และล้อมรอบด้วยแนวเขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด มองดูเหมือนภาพวาดของจิตรกรชั้นเอก สภาวะอากาศก็ดีและเย็นสดชื่น
![]() |
โรงแรมเล็กๆน่ารัก Cafe Zum Muhlbach |
เก็บของเสร็จก็ออกเดินเที่ยวต่อเลย
เดินไปไม่ไกลจากที่พักเลียบทะเลสาปไปทางทิศใต้ อยู่ใกล้ๆกับสถานี Hallstatt Lahn ที่เราลงรถตอนมาถึง ก็จะมีทางขึ้นไปเหมืองเกลือ Salzwelten Hallstatt โดยนั่ง cable car จัดแจงซื้อบัตร ไป-กลับคนละ 16 ยูโร
ตัวเหมืองเกลือถูกขุดขึ้นมากว่าศตวรรษแล้ว และปัจจุบันก็ยังคงเปิดทำการอยู่ และเป็นอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ
ระเบียงชมวิว |
ใจกลางหมู่บ้าน มองลงมาจาก Salt Mine |
Markplatz เป็นจัตุรัสกลางหมู่บ้าน ล้อมรอบด้วยบ้านสีสรรสดใส บ้างก็เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร กาแฟในบรรยากาศชิลชิล หรือจะหาที่พักจากบริเวณนี้ก็ยังได้
ตรงกลางจัตุรัสมีอนุสรณ์เป็นรูปปั้นตั้งเด่น เพื่อระลึกถึงไฟไหม้ที่ร้ายแรงที่สุดของหมู่บ้าน เมื่อ 20 กันยายน 1750 ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 4 รายและบ้านเรือนจำนวนมากที่ถูกไฟเผา
The Lutheran Church (Evangelical Church)
โบสถ์นี้เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามของหมู่บ้านนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้าน หอคอยสูงซึ่งจัดว่าสูงมากในยุคนั้น ครั้งแรกถูกสร้างเพื่อจุดประสงค์ให้เป็นบ้านแห่งการอธิษฐาน ตามคำสั่งของจักรพรรดิ Franz Joseph I ในวันที่ 30 ตุลาคม 1785 ต่อมาได้สร้างเป็นตัวโบสถ์ใหม่ ซึ่งแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 1863
จุดนี้เป็นวิวมหาชน แต่ละคนกดชัตเตอร์ไม่มียั้ง คุ้มค่ามากที่บินมาไกลแสนไกลเพื่อมายืนที่จุดนี้ มันสวยจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่หลายๆคนถึงอยากจะมาเยือนหมู่บ้านนี้ พระเจ้าได้สร้างธรรมชาติขึ้นมาได้อย่างลงตัว ส่วนคนเราก็ได้ทำให้สิ่งที่สวยงามอยู่แล้ว ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
Hallstatt การสรรสร้างร่วมกันของคนกับพระเจ้าที่ลงตัวที่สุด
แวะทานอาหารประจำท้องถิ่น Beef Goulash Soup (ใช้ขนมปังจิ้ม) ปลา trout กับมันฝรั่งและสลัดผัก ที่สำคัญคือบรรยากาศดีมาก ต้องมาให้ได้นะคะ
อิ่มแล้วออกไปเก็บบรรยากาศตอนใกล้ค่ำ
ราตรีสวัสดิ์..................
ตอนที่แล้ว
ตอนที่12 วันที่ 11 ของการเดินทาง From Prague to Cesky Krumlov (13Oct)
ตอนต่อไป
ตอนที่ 14 วันที่ 13 ของการเดินทาง From Hallstatt to Salzburg (15Oct)
ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์
การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น