วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วันที่ 6 ของการเดินทาง ที่ Vienna (8Oct)

Vienna เวียนนา หรือ Wien ในภาษาเยอรมัน เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก และถูกขนานนามว่า The City of Music เพราะเวียนนาเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านเพลงคลาสสิค ซึ่งมีนักดนตรีจากทั่วทุกมุมโลกที่ใฝ่ฝันอยากจะมาศึกษาด้านดนตรีที่นี่ เหมือนนักดนตรีดังๆในอดีตที่ได้เคยผ่านเมืองนี้มาแล้ว อย่างเช่น บีโธเฟ่น โมสาร์ท โยฮันสเตราส์ และอีกหลายๆคน และปัจจุบันเวียนนาได้รับการคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก


เราจะเริ่มเช้านี้ที่จัตุรัสสเตฟาน หรือ Stephanplatz ที่นี่มีร้านขายสินค้าแบรนด์เนมเยอะแยะมากมายเหมาะสำหรับขาช็อป แต่วันนี้เป้าหมายของเราคือ วิหารเซนต์สเตเฟน (Domkirche St.Stephan) ซึ่งเป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่และสวยที่สุดในเวียนนาก็ว่าได้
วิหารเซนต์สเตเฟน สร้างครั้งแรกในศตวรรษที่ 12 ตามแบบศิลปะโรมาเนสก์ การก่อสร้างครั้งแรกไม่ได้ใหญ่โตมาก มีการขยายและต่อเติมมาเรื่อยๆ แต่ในช่วงปี 1258 ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้ตัววิหารเสียหายหนัก และต้องซ่อมแซม บางส่วนถูกสร้างขึ้นใหม่ และเริ่มใช้งานอีกครั้งในปี 1268 จุดเด่นของวิหารแห่งนี้คือหลังคากระเบื้องหลายสีสวยงามและตัวหอคอยที่สูงถึง 136 เมตร ภายในตกแต่งแบบศิลปะโกธิค ปัจจุบันเป็นที่ประทับของอาร์คบิชอปแห่งเวียนนา

ออกจากโรงแรมขึ้น Tram สาย 0 ที่ป้าย Columbusplatz ไปลงที่ HBF ขึ้นเมโทร U1 สีแดงไป 3 สถานี ลงที่สถานี Stephanplatz โผล่ขึ้นจากใต้ดินก็จะพบกับความอลังการของวิหารสเตเฟน ไม่ว่าจะมองมุมไหน ยิ่งภายในก็ต้องตะลึงกับความงดงามและความละเอียดอ่อนของงานศิลปะ






































เมื่อซึมซับบรรยากาศความศักดิ์สิทธิ์ภายในแล้วก็ออกมาเดินชมรอบๆวิหาร ซึ่งมีภาพสลักหินเก่าแก่ประดับตามกำแพงวิหาร





ออกจากมหาวิหารสเตเฟน ก็เดินไปตามย่านการค้า Graben Vienna Shopping Street




Fountain Leopoldsbrunnen



Plague Monument 
สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ Leopold I เพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้เชื้อกาฬโรคที่ระบาดอยู่ในปี 1679 สิ้นสุดลง โรคระบาดนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 70000 คน ครั้งแรกนั้นเป็นเสาไม้แกะสลักรูปบรรดาฑูตสวรรค์ประดับรอบเสา ต่อมาได้เปลี่ยนหลายครั้งโดยใช้วัสดุให้ทนทานขึ้น จนเสร็จสมบูรณ์ตามที่เราเห็นในปัจจุบันในปี 1693 (ขณะที่ถ่ายภาพนี้ก็กำลังมีการบูรณะบางส่วน)




St.Peter's Church (Peterskirche)
เป็นโบสถ์โรมันคาธอลิคที่สร้างแบบศิลปะบาร็อค นับเป็นโบสถ์แห่งแรกในเวียนนาซึ่งก่อตั้งในยุคกลางตอนต้น แต่ที่เห็นในปัจจุบันเป็นสิ่งก่อสร้างใหม่ทั้งหมดซึ่งเริ่มก่อสร้างใหม่ในปี 1701 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโบสถ์ St.Peter's Basillica ของสำนักวาติกันในกรุงโรม และสร้าเสร็จสมบูรณ์ในปี 1733

















พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace หรือ Imperial Palace)
เป็นอดีตพระราชวังหลวงใจกลางกรุงเวียนนา ปัจจุบันส่วนหนึ่งเป็นที่พำนักและเป็นทำเนียบของประธานาธิบดีออสเตรีย พระราชวังสร้างในศตวรรษที่ 13 และมีการต่อเติมขยายส่วนต่างๆเรื่อยมา พระราชวังแห่งนี้เป็นเสมือนหนึ่งศูนย์รวมอำนาจการปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปและประวัติศาสตร์ออสเตรีย โดยเฉพาะในยุคของราชวงศ์ฮอฟบวร์ก ซึ่งปกครองจักรวรรดิโรมันศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี สมาชิกพระราชวงศ์มักจะพำนักที่พระราชวังแห่งนี้ในฤดูหนาว และพำนักที่พระราชวังเชินบรุนน์ในฤดูร้อน














Monument of Kaiser Franz I


The Imperial Chancellery Wing

Statue of Emperor Joseph II in Josefsplatz



Emperor Joseph II

โรงเลี้ยงม้าและโรงเรียนฝึกม้าแบบสเปน (spanish Riding School)

Swiss Gate (schweizertor) สร้างขึ้นเมื่อปี 1552

ร้านขายของที่ระลึกภายในบริเวณฮอฟบวร์ก


ปีกเนือนบวร์ก (Neue Burg wing) ของฮอฟบวร์ก ด้านหน้ามีอนุสาวรีย์ของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย ปัจจุบันเป็นที่ทำการของประธานาธิบดี

















St. Michael's Church (Michaelerkirche)
โบสถ์เซนต์มิคาเอล สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Archangel Michael หัวหน้าฑูตสวรรค์ในพระคัมภีร์ไบเบิล ตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตู Michael's Gate ของพระราชวังฮอฟบวร์ก เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเวียนนา และเป็นโบสถ์ที่ยังคงสภาพอาคารเดิมๆ
















เดินทะลุพระราชวังฮอฟบวร์กออกมาจะพบกับสวนขนาดใหญ่ นั่นคือ จัตุรัสมาเรีย เธเรซา (Maria Theresien Platz) มีอนุสาวรีย์ของพระนาง Maria Theresa ตั้งอยู่ด้านหน้าจัตุรัส





ในรัชสมัยของพระนางมาเรีย เธเรซา ออสเตรียได้ขยายอาณาจักรออกไปอย่างมาก พระนางมีพระโอรสและพระธิดารวม 16 พระองค์ ทรงใช้วิธีให้พระโอรสและพระธิดาแต่งงานกับราชวงศ์อื่นๆเพื่อผูกสัมพันธไมตรีทั่วทั้งยุโรป พระธิดาองค์หนึ่งคือ พระนางมารี อังตัวแน็ตต์ พระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่ถูกประหารด้วยกิโยตินในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส

Maria Theresa Monument









ด้านข้าง 2 ข้างของ Maria Theresien Platz เป็นตึกฝาแฝดที่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่เหมือนกัน รูปแบบนีโอเรอเนซองส์
- Fine Art History Museum (Kunsthistorisches Museum) เปิดทำการเมื่อ 1889
- Natural History Museum (Naturhistorisches Museum) เปิดทำการเมื่อ 1891








บรรพบุรุษของชนอเมริกันและออสเตรเลีย

บรรพบุรุษของชนชาวยุโรป
เดินข้ามถนนต่อไปจะเป็น Museumsquartier




เดินเล่นไปเรื่อยๆ เพื่อกลับไปขึ้นเมโทร U1 ที่ Stephansplatz ไปลงที่ Karlsplatz แล้วขึ้น U4 สีเขียวไปลงที่สถานี Schonbrunn เพื่อไปพระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace)















Vienna State Opera





ยอดแหลมๆคือ โบสถ์ Augustinerkirche












พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace)
จักรพรรดิแม็กซิมิเลียนที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ได้สร้างพระราชวังขึ้นในปี 1569 บนริมแม่น้ำวีน (Wien River) Schonbrunn แปลว่าน้ำพุที่สวยงาม พระองค์ทรงตั้งชื่อพระราชวังตามที่พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรน้ำพุผุดขึ้นมาในที่ดินแห่งนี้  
ในศตวรรษที่ 17 พระราชวังแห่งนี้ได้ใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮอฟบวร์ก ต่อมาได้รับความเสียหายจากสงคราม พระนางมาเรีย เธเรซา จักรพรรดิณี จึงได้ปรับปรุงพระราชวังอีกครั้งจนสวยงาม และพระราชวังแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นที่แสดงคอนเสิร์ตของเด็กชายโมสาร์ท ตอนอายุ 6 ขวบ
























ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เรานั่งเมโทรกลับไปที่ Karlsplatz อีกครั้งหนึ่งเพื่อเก็บบรรยากาศตอนค่ำคืนที่ Karlskirche หรือ St. Charles's Church ซึ่งก็สวยงามไม่ผิดหวัง









นั่งเมโทร U1 จาก Karlsplatz กลับไปที่ HBF แล้วขี้น Tram สาย 0 ไปลงป้าย Columbusplatz หน้าโรงแรม



ทานอาหารง่ายๆที่ร้านจีนก่อนเข้าโรงแรม



วันนี้เหนื่อยทั้งวัน ขอพักสบายๆกับฮีตเตอร์อุ่นๆ ...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 6 วันที่ 5 ของการเดินทาง From Bratislava to Vienna (7Oct)

ตอนต่อไป
ตอนที่ 8 วันที่ 7 ของการเดินทาง ที่ เวียนนา (9Oct)


ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์

การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น