วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วันที่ 7 ของการเดินทาง ที่ Vienna (9Oct)

เช้าก็อาหารเดิมๆที่โรงแรม  ที่ไหนๆก็คล้ายๆกันไม่รู้จะทานได้อีกกี่วัน คิดถึงข้าวต้มร้อนๆ อิอิ ออกจากโรงแรมก็ขึ้นรถรางสาย 0 ที่เดิม Columbusplatz นั่งไป 2 ป้ายลงที่ Quartier Belvedere แล้วเดินไปที่ schloss Belvedere (พระราชวัง เบลเวเดียร์ ; Schloß เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า Palace) ลงรถที่จุดนี้เราจะเข้าประตูด้าน Upper Belvedere


พระราชวังเบลเวเดียร์ (Scholoss Belvedere หรือ Belvedere Palace)
สร้างขึ้นตามแบบศิลปะบาร็อคในปี 1715-1723 เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) ที่เมื่อวานเราเห็นรูปปั้นทรงม้าของพระองค์ที่ Hofburg Palace หน้าอาคารส่วนที่เป็นที่ทำการของประธานาธิบดีออสเตรีย พระองค์เป็นผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์ฮอฟบวร์กทำสงครามจนได้ชัยชนะพวกเติร์กที่เข้ามารุกราน 
พระราชวังแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Upper Belveder และ Lower Belvedere โดยมีสวนสวยขนาดใหญ่ขั้นอยู่ตรงกลาง  วัง Lower Belvedere เป็นที่ประทับของเจ้าชายยูจีน (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะของออสเตรียตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบัน) ส่วน Upper Belvedere จะเป็นวังที่สวยสง่าและหรูหรากว่า ซึ่งจัดให้เป็นที่รับรองแขก จัดงานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์ (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพเขียน Austrian Gallery ซึ่งมีภาพ The Kiss ที่เลื่องลือโด่งดังทั่วโลก 


เป็นภาพวาดแบบอาร์ตนูโว เป็นผลงานของศิลปินชาวออสเตรียนชื่อ กุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) และยังมีงานของศิลปินท่านอื่นๆอีกมากมาย

ประตูทางเข้าด้าน Upper Belvedere


Upper Belvedere



มองจาก Upper Belvedere ลงไปทาง Lower Belvedere จะเห็นเบื้องหลังเป็นภาพวิวเมืองเวียนนาสวยงามมาก










Lower Belvedere
























เสียดายที่เรามาเช้าเพราะต้องไปหลายแห่งเลยไม่ได้ชมภายในพิพิธภัณฑ์ เพราะพิพิธภัณฑ์เปิดเวลา 10.00 น.





ออกจาก Belvedere Palace เดินกลับมาขึ้นรถรางสาย 0 เหมือนเดิม มุ่งหน้าไป 7 ป้ายลงที่ป้าย Radetzkyplatz แล้วเดินต่อไปยัง Hundertwasserhaus ซึ่งเป็น apartment house ตั้งอยู่ในเขต Landstraße เป็นงานสร้างสรรค์ของศิลปินนักวาดภาพชื่อ Friedensreich Hundertwasser และเขาได้เชิญสถาปนิก Josef Krawina มาร่วมสร้างสรรค์ความฝันของเขาให้เป็นจริง 
สิ่งที่เราเห็นคืออาคารรูปทรงและสีสรรไม่เหมือนใคร ซึ่งสร้างขึ้นระหว่างปี 1983-1986 เป็นอพาร์ทเมนท์ 52 ห้อง ปลูกไม้ประดับตามผนังและภายในตัวอาคารจำนวนมาก แนวความคิดในการออกแบบของเขาคือ A painter creates architecture. พื้นอาคารภายในจะไม่ราบเรียบ เพื่อต้องการให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ งานสร้างสรรค์นี้เป็นเหมือนการต่อต้านงานสถาปัตยกรรมทั่วไปที่มีรูปแบบตายตัว (anti-architecture) ปัจจุบันอาคารนี้กลายเป็นสถานที่ๆมีชื่อเสียงโด่งดังของเวียนนา เป็นจุดหมายหนึ่งที่นักท่องเที่ยวพากันมาชม








 Hundertwasser Village เป็นร้านอาหารและร้านค้า








เดินต่อไปยังโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ

St. Othmar unter den Weißgerbern












 แวะซื้อพิซซ่าเป็นอาหารกลางวันที่สถานีรถราง ขบวนนี้เก่ามากคงจะหลายสิบปี


โบสถ์ (จำชื่อไม่ได้ ใครรู้บอกหน่อย)



แล้วก็มาถึง Stadt Park เป็นสวนสาธาระคล้ายๆสวนลุมบ้านเรา จุดหมายจะมาชมอนุสาวรีย์ของ Johann Strauss ที่ 2 
โยฮันน์ สเตราสส์ (Johann Strauss) เกิดที่กรุงเวียนนา บิดาของเขาคือโยฮันน์ สเตราสส์ ที่ 1 เป็นคีตกวีเช่นเดียวกัน บิดาไม่ต้องการให้เขาประกอบอาชีพนักดนตรีแต่อยากให้เป็นนายธนาคารมากกว่า อย่างไรก็ดี เขาได้หัดเล่นไวโอลินอย่างลับ ๆ ตั้งแต่วัยเด็กกับฟรานซ์ อามอน นักไวโอลินในวงดนตรีของพ่อ อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อบิดาทราบว่าเขาฝ่าฝืนคำสั่ง โยฮันน์ที่สองเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า เป็น "ฉากที่มีแต่ความรุนแรงและไม่น่าดูชม" และ "บิดาของเขาไม่ต้องการรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับแผนการทางดนตรีของเขา" สเตราสส์ผู้พ่อมีคู่แข่งทางด้านดนตรีเยอะ แต่มิใช่ว่าเขาห้ามเพื่อไม่ต้องการให้เกิดนักดนตรีคู่แข่ง จริงๆแล้วเขาต้องการให้บุตรของตนหลีกหนีจากชีวิตนักดนตรีเสียมากกว่า จนกระทั่งเมื่อบิดาทิ้งครอบครัวไปอยู่กับภรรยาน้อย เอมิล แทรมบุช จึงเปิดโอกาสให้โยฮันน์ที่สองสามารถเริ่มอาชีพนักประพันธ์เพลงอย่างจริงจังได้ เมื่อเขามีอายุได้ 17 ปี เขาเป็นที่รู้จักในนามของ ราชาเพลงวอลซ์ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ และเป็นผู้สร้างให้เกิดกระแสความนิยมเพลงวอลซ์ในกรุงเวียนนา ตลอดช่วงศตวรรษที่ 19 เนื่องจากได้ปฏิวัติรูปแบบวอลซ์ด้วยการยกระดับเพลงระบำชาวนาอันต่ำต้อย ขึ้นมาเป็นเพลงเพื่อให้ความบันเทิงแก่บุคคลชั้นสูงในราชสำนักฮอฟบวร์กได้ 












J.E.Schindler นักจิตรกรรมภูมิทัศน์ที่มีชื่อเสียงของเวียนนา

หนังสือพิมพ์ห้อยขายตามเสาไฟฟ้า

Beethovenplatz
เป็นรูปปั้นที่แสดงถึงการวางมาดเคร่งขรึมและเป็นด้านมืดของบีโธเฟ่น

The Palace Hall ใน Beethoven Platz เป็นอาคารสำหรับแสดง Vienna Royal Orchestra Concerts.



มาขึ้นเมโทร U4 ที่สถานี Stadt Park แต่ด้านที่เราจะขึ้นปิดซ่อมแซม ไม่เป็นไรขึ้นฝั่งตรงข้ามไปลงที่สถานี Schottenring แล้วขึ้น U2 ไปลงที่ Stadion เพื่อจะไปดูสถานีรถบัสที่พรุ่งนี้เราจะเดินทางข้ามประเทศไปที่ Prague เพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องเดินหา ก็ถามทางจากเจ้าหน้าที่เลย



สถานีนี้ดีหน่อย มีศูนย์การค้า สามารถเข้าไปนั่งรอข้างในอากาศอุ่นๆ มีห้องน้ำสะอาดมากกก 

บริเวณชานชลา เราต้องขึ้นชานชลาที่ 3 ตั๋วซื้อออนไลน์มาแล้ว 

นั่ง U2 สายสีม่วงย้อนกลับไปลงที่ Schottentor ระวังสับสนกับสถานี Schottenring เพราะชื่อคล้ายกันและเป็นสถานีติดกัน

โบสถ์ Schottenkirche







โรงละคร Burgtheater

เดินมาถึง Rathaus เป็นที่ว่าการของเมืองเวียนนา พอดีกำลังมีงานประจำปีด้านหน้า เลยไม่สามารถเก็บภาพเต็มๆได้ แต่ก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างออกไป มีร้านขานอาหารหลากหลาย สวนสนุก ชาวเมืองมากินดื่มกันสนุกสนาน ก็คงคล้ายๆกับงานวัดบ้านเรา 555



























เดินต่อไปตามถนน Rathausplatz จนถึง Austrian Parliament Building






เริ่มมืดละ เดินไปขึ้นเมโทร U2 ที่สถานี Volkstheater ไปลง Kalsplatz แล้วต่อ U1 ไปลงที่ Keplerplatz แวะทานซุปร้อนๆร้านจีนก่อนเดินกับโรงแรม






พรุ่งนี้เช้าเตรียมเดินทางสู่ Prague เมืองในฝันของหลายๆคน ... ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 7 วันที่ 6 ของการเดินทาง ที่ Vienna (8Oct)

ตอนต่อไป
ตอนที่ 9 วันที่ 8 ของการเดินทาง From Vienna to Prague (10Oct)


ขอฝากบล็อค 'ตะลุย Europe & UK'
ตะลุย Europe & UK ไม่ง้อทัวร์

การขอวีซ่า เชงเก้นและ UK
วีซ่า เชงเก้น และ UK



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น