35 วัน 6 ประเทศ 20 เมือง: วันที่ 8 ของการเดินทาง From Vienna to Prague (10Oct)

เช้าเช็คเอาท์จากโรงแรม เตรียมตัวลากกระเป๋าเพื่อจะเดินทางไปปราก เมืองสุดโรแมนติคและเป็นเมืองที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้ง

ตั๋ว 72 hr ยังใช้ได้อีกหลายชั่วโมง เช่นเคยนั่งรถรางสาย 0 ที่ Columbusplatz ไปลงที่ Hauptbahnhof ขึ้นเมโทร U1 ไปลงที่สถานี Karlsplatz และต่อ U2 ไปลงที่สถานี Stadion ที่เราไปสำรวจแล้วเมื่อวาน

Supermarket

นั่งรอเวลาในศูนย์การค้า ข้างนอกหนาวเกิ๊น

รถ Studentagency ที่มีบริการทั้วยุโรป นั่งสบาย ปลอดภัย เพราะเขามีตารางเวลาแน่นอน ไม่ได้วิ่งทำเวลาตามใจคนขับเหมือนบ้านเรา รถออกเวลา 8.55 น. จะถึงปรากเวลา 13.30 น.

มีตำรวจขึ้นมาตรวจ Passport ตอนถึงด่านเข้าเขต Czech Republic

มาถึง Praha Florenc Bus station ประมาณ 13.30 น ไปแลกเงินที่บูธเล็กๆในสถานีเพื่อใช้ซื้อบัตรเมโทรนั่งไปโรงแรม ไม่แน่ใจในอัตราแลกเปลี่ยนเลยแลกแค่พอซื้อบัตรเท่านั้น 20 ยูโรได้ 520 CZK

ทางลงสถานีเมโทรก็อยู่ใกล้ๆ

Ticket Machine รับเฉพาะเหรียญ ทำให้เรามีปัญหาเพราะแลกมาเป็นธนบัตร เลยต้องไปซื้อขนมแล้วขอเงินทอนเป็นเหรียญ บางร้านก็ใจดำไม่ยอมขาย

Metro Map in Prague

24 hr Ticket ราคา 110 CZK

ตอนเข้าอย่าลืม Validate ตั๋ว สำหรับตั๋ว 24hr ตอกครั้งแรกก็พอ

ป้ายเมโทรชัดเจนดี ตอนนี้เราอยู่ที่ Florenc เราจะไปโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานี I.P.Pavlova ขึ้นขบวนด้านซ้ายมือ

เช็คอินที่ โรงแรม City Stay Prague

ปราก (Prague, Praha) เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ค (Czech Republic) มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องจากมีคนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยช่วงแรกเป็นเผ่าเคลต์ (Celt) ก่อนจะถูกรุกรานโดยเผ่าเยอรมนิก (Germanic) และถูกครอบครองโดยเผ่าสลาฟในคริสต์ศตวรรษที่ 4 แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 7 วัฒนธรรมของทั้งสองเผ่าพันธ์ ได้ผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว

ส่วนตัวเมืองปรากนั้น มีหลักฐานว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9 และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน จากนั้นปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 กษัตริย์บอริวอจ พรีมิสโลเวก (Borivoj Premyslovec) ทรงสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนเขาสูงสง่าเหนือแม่น้ำวัลตาวา (Vltava) และมีการขนานนามปราสาทแห่งนี้ว่า ปราฮา (Praha) ซึ่งเป็นชื่อเรียกกรุงปรากในภาษาเช็ก

ปราก มีแม่น้ำ Vltava ไหลผ่านกรุงเก่าแก่แห่งนี้ ด้วยเหตุนี้กรุงปรากจึงมีสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ Vltava อยู่หลายแห่ง และถึงแม้ว่าเมืองปรากจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ เป็นเวลานานกว่า 40 ปี แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรป

เข้าห้องเรียบร้อย ทานผลไม้รองท้องแล้วก็ได้เวลาออกชมเมือง ซึ่งเมืองไม่ใหญ่มาก สถานที่ท่องเที่ยวก็อยู่ไม่ห่างกันมาก ทำให้สามารถเดินเที่ยวได้โดยใช้รถโดยสารเป็นส่วนน้อย แต่เราต้องการเซฟเวลาเลยซื้อตั๋ว 24 hr ใช้ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ภายใน 24 ชั่วโมง

เดินจากโรงแรมไปทางริมแม่น้ำวัลตาวา แวะเข้าชมโบสถ์ Eliska Kranohoska

ออกจากโบสถ์เดินต่อไปริมแม่น้ำวัลตาวา (Vltava)

Dancing House อยู่เลียบถนนริมแม่น้ำ Vltava

แม่น้ำวัลตาวา

นั่งรถรางสาย 17 เลียบแม่น้ำไปทางขวาเพื่อตรงไปยังสะพานชาร์ลส์

สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวัลตาวา (Vltava) มีความยาวประมาณครึ่งกิโลเมตร เชื่อมระหว่างเมืองเก่ากับปราสาทปราก (Prague Castle) ตามแนวสองข้างของสะพานจะมีรูปปั้นนักบุญ (Saint) จำนวนมาก รูปปั้นที่มีชื่อเสียงและโด่งดังคือ นักบุญเนโปมุก (St.John of Nepomuk) ซึ่งมีประวัติเรื่องเล่าว่า บาทหลวงท่านนี้ได้รับฟังคำสารภาพบาปจากพระราชินีของเวนเชสลาสที่ 4 และรับปากกับพระราชินีว่าจะเก็บเป็นความลับ เมื่อพระราชาทรงถามกับท่านแต่ท่านไม่ยอมตอบ ทำให้พระราชาทรงกริ้วและทรงสั่งให้จับเนโปมุุกโยนลงแม่น้ำวัลตาวาในจุดที่สะพานชาร์ลส์ถูกสร้างขึ้นนี้ และได้เกิดประกายดาวขึ้น 5 ดวงเหนือน้ำบริเวณนั้น
รูปปั้นนักบุญเนโปมุกก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก จะสังเกตุจากตรง 2 ข้างฐานของรูปปั้นที่เป็นรูปหมาและผู้หญิงนั้นจะถูกลูบจนลอกเป็นเงาทองเหลือง เพราะมีความเชื่อว่าถ้าได้ลูบและอธิษฐานแล้วจะสมปรารถนา

St. John of Nepomuk มีดาว 5 ดวงบนศีรษะ

ออกจากสะพานชาร์ลส์ นั่งรถรางสาย 17 ย้อนกลับทางเดิมเลียบแม่น้ำ Vltava ชมเมืองไปเรื่อยๆจนออกนอกเมือง เห็นมีร้านขายผลไม้ เลยลงไปซื้อเก็บตู้เย็นไว้ทานที่ห้อง เริ่มค่ำแล้วอากาศเย็นมาก เรานั่งรถสายเดิมย้อนกลับไปที่สะพานชาร์ลส์เพื่อเก็บบรรยากาศตอนกลางคืน